กกต.ถกคำร้อง ‘พิธา’ ถือหุ้น itv ชี้เข้าข่ายผิดม.151 ‘รู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิ’ แต่ยังลงสมัครส.ส.

กกต.ถกคำร้องยื่นสอบ”พิธา”ถือหุ้นไอทีวี เล็งยกเป็นความปรากฎ รู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิแต่ยังลงสมัครส.ส. เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 151 กฎหมายเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีการพิจารณากรณีที่สำนักงานกกต.รายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอให้ตรวจสอบว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3)และมาตรา42(3) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เนื่องจากถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน)หรือไม่

โดยสำนักงานฯ เสนอว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติ ส.ส. เนื่องจากนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ซึ่งพ้นระยะเวลาการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครส.ส. ตามมาตรา 51 ประกอบมาตรา 60 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ที่กำหนดว่า ต้องยื่นภายใน 7วันนับแต่กกต.ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง จึงต้องเสนอกกต.ให้มีคำสั่งเป็นความปรากฏต่อกกต.ว่านายพิธา มีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้ง และการยินยอมให้พรรคส่งชื่อตนเองเป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลลำดับที่ 1 รวมถึงยอมให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเนตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้งตาม มาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. หรือไม่

ทั้งนี้ ให้พนักงานสืบสวนไต่สวนของสำนักงานกกต.เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนไต่สวนตามระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ซึ่งก็จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการไต่สวน อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมกกต ยังเห็นว่าสำนักงานกกต. ยังเสนอมีรายละเอียดไม่ครบถ้วน เช่น คำร้องมีการร้องในประเด็นใดบ้าง หลักฐานเป็นอย่างไร ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร จึงให้ไปดำเนินการมาให้ครบถ้วนและเสนอที่ประชุมกกต.พิจารณาใหม่โดยเร็วอีกครั้ง