กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ : ขณะนี้กระแสจงรักภักดี พร้อมมากที่จะเข้ากรุงเทพฯ …

ส.ว.กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ยืนยันอีกครั้ง กลางรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ รายการข่าวของ สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ว่า จะไม่เลือก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี แม้เขาจะมาจากพรรคที่กวาดคะแนนสูงสุดในเลือกตั้งครั้งล่าสุดก็ตาม

วันนี้ (1 มิถุนายน) กิตติศักดิ์ แสดงจุดยืนว่า จะไม่โหวตพิธาเป็นนายก เพราะหากเขาได้เป็น “บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ”

“ผมไม่ให้คุณพิธาเป็นนายกฯ เพราะหากเป็นนายกฯ บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ เพราะคุณพิธานำเสนอเรื่องสถาบันเบื้องสูง ม.112 นิรโทษกรรม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”

“ขณะนี้ กระแสจงรักภักดี ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมมากที่จะเข้ากรุงเทพฯ” กิตติศักดิ์ระบุ ก่อนจะอธิบายว่า บ้านเมืองกำลังจะเกิดความขัดแย้งรุนแรง และจะนำไปสู่การนองเลือดของคนไทย ทำเอาสรยุทธ์ทวงถามว่า “คุณกิตติศักดิ์ไปไกลไปไหม”

จากนั้น ส.ว.แต่งตั้งรายนี้ จึงกล่าวว่า การที่ก้าวไกลอ้าง 14 ล้านเสียง อาจมีไม่กี่คนที่ต้องการแตะสถาบันเบื้องสูงก็ได้ เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นความขัดแย้ง

ศิธา ทิวารี นักการเมืองจากพรรคไทยสร้างไทยที่อยู่ในรายการ จึงอธิบายว่า คนอาจคิดเห็นแตกต่าง แต่ยืนยันจริงๆ ว่าคนส่วนใหญ่คิดตรงข้ามกับสิ่งที่ ส.ว. คิด กิตติศักดิ์จึงย้อนทันทีว่า ตนทำงานกับประชาชนมา 20-30 ปี รู้ว่ากระแสเป็นอย่างไร และเชื่อว่าที่โดนด่าในโซเชียลเป็นการจัดตั้ง เป็น IO ของพรรคและนักการเมือง

ที่น่าสนใจ คือ กิตติศักดิ์เน้นย้ำว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เพราะ “หนังม้วนเก่าจะกลับมาฉาย คือ พ.ศ. 2557”

สรยุทธ์ จึงถามทันทีว่า จะมีรัฐประหารใหม่หรือไม่ กิตติศักดิ์ตอบว่า “ผมไม่พูดอย่างนั้นนะ แต่ผมไม่อยากให้เกิดสถานการณ์แบบนี้ อย่างที่เรียนว่า 22 พ.ค. 57 (วันรัฐประหาร) จะกลับมาอีก”

….

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ประกาศว่าไม่เลือกนายพิธาเป็นนายกฯ 2 ล้านเปอร์เซนต์ เนื่องจากหากได้เป็นนายกฯแล้ว ประเทศจะลุกเป็นไฟ และขณะนี้กระแสจงรักภักดีสถาบันพร้อมมากที่จะเข้ากรุงฯ และจะนำไปสู่การนองเลือดของคนไทยด้วยกันคือไทยฆ่าไทยนั้น

นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง อย่างที่บอก ในอดีตที่ผ่านมา ความขัดแย้งคือเมื่อเราฝืนมติประชาชนแล้วไม่รักษาระบบ แต่ถ้าเรารักษาระบบ เคารพมติของพี่น้องประชาชน และหาทางออกร่วมกัน น่าจะทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองและมีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในประเทศในช่วงที่ความท้าทายจากทั่วโลกเยอะขนาดนี้ ดังนั้นขอความกรุณาให้มีการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่เพื่อตน แต่เพื่อเป็นการรักษาระบบให้กับประเทศไทย

ส่วนประเด็นที่นายกิตติศักดิ์ ระบุว่า คนที่จงรักภักดีต่อสถาบัน พร้อมเดินทางเข้า กทม. นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยินประเด็นนี้ แต่มองว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคนที่จะเดินทางไปที่ไหนก็ได้ ตนเคารพตรงนี้ ไม่มีปัญหา

เมื่อถามย้ำว่า มี ส.ว. ออกมาแสดงความคิดเห็นแบบนี้ จะส่งผลกระทบต่อการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกับวงเจรจา ทุกอย่างยังเป็นไปด้วยดี และคิดว่าถึงเวลาที่เปิดสภาและมีการโหวตนายกรัฐมนตรีจะไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนกรณีนายกิตติศักดิ์ บอกว่ามีอเมริกาอยู่เบื้องหลังพรรคก้าวไกลนั้น นายพิธา กล่าวว่า อันนี้ไม่เป็นความจริง คนที่อยู่เบื้องหลังพรรคก้าวไกลคือประชาชนคนไทย เพียงแต่ว่าในเรื่องของการต่างประเทศจำเป็นต้องหาจุดสมดุลระหว่างปัญหาประเทศและความโชคร้ายที่เกิดขึ้น โดยยึดหลักผลประโยชน์ของคนไทยและอีกประเทศเป็นที่ตั้ง ถ้าวิน-วิน ด้วยกันทั้งคู่ คงจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่คิดถึงเกี่ยวกับนโยบายการต่างประเทศ หรือไปอิงกับชาติใดชาติหนึ่ง ปัญหาจะตกกับพี่น้องประชาชน ค่าปุ๋ยที่แพง ค่าอาหารสัตว์ที่แพง วัคซีนที่ต้องเข้ามาในประเทศ ทั้งหมดนี้มันต้องวางบริบทของประเทศให้อยู่ในพื้นที่ที่ทำให้เป็นไปตามกฎกติกาของโลกสากล และผลประโยชน์ของชาติและของประชาชนของทั้งสองชาติ