รทสช. ตีปี๊บ เลือกตั้งครั้งแรก ประสบความสำเร็จ ชู “ประยุทธ์-ไม่แตะ112” เป็นจุดขาย ต่อไป

รทสช.เดินหน้าเป็นสถาบันทางการเมือง

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการเดินหน้าของพรรค รทสช.หลังการเลือกตั้งว่า พรรค รทสช.ยังเดินหน้าสู่การเป็นสถาบันทางการเมือง และไม่ได้เป็นพรรคเฉพาะกิจ แม้จะเป็นพรรคใหม่ แต่จากผลการเลือกตั้งเราถือว่าเป็นความสำเร็จในการเริ่มต้นครั้งแรกของการเลือกตั้ง คะแนนเสียงที่ได้ เป็นสิ่งที่พรรคต้องนำความหวังของพี่น้องประชาชนมาเดินหน้าขับเคลื่อน แม้พรรคไม่ได้เป็นอันดับ 1 แต่ให้คำมั่นไม่ว่าจะบทบาทไหน พรรคจะขับเคลื่อนการทำงานให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้ ส่วนการทำงานในพรรคจะมีการปรับกลยุทธ์ โดยนำเสียงสะท้อนพี่น้องมาเป็นการบ้านทำให้พรรคเข้มแข็งต่อไป โดยดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมขับเคลื่อนพรรค

โดยขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ยังอยู่นำพรรคต่อไป บนอุดมการณ์จุดยืนแน่วแน่ที่ไม่มีเปลี่ยนแปลง ปกป้องสถาบันหลักของชาติ และในสิ่งที่หาเสียงไว้กับประชาชน รวมถึงสานต่อการทำงานรัฐบาล ตลอด 8 ปี

นายธนกร กล่าวว่า ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล อย่างที่ตนบอกมาตลอด เป็นหน้าที่ของพรรคที่ได้คะแนนเสียงลำดับต้นๆ ที่เขาจะไปพูดกันเอง อย่างที่บอกเราให้เกียรติ สำหรับพรรค รทสช.พร้อมทุกอย่างจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นฝ่ายค้านก็ได้ จะอยู่ฝั่งไหนพวกเราก็สามารถทำงานได้ เพราะเราเคารพกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย หากมีพรรคอื่นมาชวนไปร่วมรัฐบาล ตนขอยืนยันว่าพรรค รทสช.ไม่เอาพรรคที่แก้ไขมาตรา 112 หากพรรคที่มาชวนเราไปร่วมรัฐบาลมีเรื่องนี้ เรายอมไม่ได้ เพราะเรายึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะไม่ยกมือสนับสนุนนายกฯที่ชูแก้มาตรา 112

ประยุทธ์ ปลุกสู้ต่อ ชัยชนะรออยู่ข้างหน้า 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า แม้ว่าเราจะได้จำนวนผู้สมัครที่เป็นที่หนึ่งของเขตมา 23 คน แต่ก็มีผู้สมัครของเราอีกจำนวนไม่น้อย ที่ขาดคะแนนเสียงอีกไม่มากก็จะได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งของเขตแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า พรรคของเราเป็นพรรคใหม่ ยังไม่เคยลงสนามเลือกตั้งมาก่อน และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พรรคได้ท่านเป็นตัวแทนในการนำเสนออุดมการณ์และนโยบายของพรรคสู่พี่น้องประชาชน ตนเข้าใจดีว่าการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้มีเวลาและทรัพยากรจำกัด แต่ก็ถือว่าเราทำได้ดีพอสมควร เราได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศจำนวนไม่น้อย เราไม่ได้เดินตามลำพัง แต่ยังมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่คอยสนับสนุนเราอยู่ บางคนเสียใจที่เราไม่ได้คะแนนเสียงมากกว่านี้ บางคนปวารณาตัวว่า จะเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนพรรคให้ทำงานได้ดีขึ้น บางคนก็ให้คำชี้แนะว่า ทำอย่างไรเราจึงจะเข้าถึงประชาชนได้เพิ่มเติม เหล่านี้เป็นแรงใจ แรงสนับสนุนที่เป็นต้นทุนที่สำคัญให้เราทุกคนเดินหน้าต่อ

“ ในระหว่างนี้ ผมอยากให้กำลังใจพวกเรา อย่าเพิ่งท้อถอย ขอให้มีกำลังใจ เดินหน้าเข้าหาประชาชนให้มากหลังเลือกตั้ง เพื่อขอบคุณที่ให้การสนับสนุน พร้อมกับขอคำแนะนำเพื่อการปรับปรุงการทำงานให้เข้าถึงพี่น้องประชาชนได้กว้างขวางขึ้น เร่งสรุปบทเรียนและเตรียมความพร้อมเพื่อความสำเร็จในคราวถัดไป อย่าท้อ แต่ขอให้มุ่งมั่นทำต่อ วิธีการแบบเดิมอาจจะได้ผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็ต้องพยายามหาวิธีใหม่ๆ เพื่อเป้าหมายแห่งชัยชนะด้วยกัน ระหว่างนี้ก็ขอให้ติดต่อประสานกับทางพรรค เชื่อมโยงกันไว้ ส่งความปรารถนาดีให้กัน ส่งข้อมูล ส่งคำเสนอแนะ และทำงานด้วยกัน ผมเชื่อว่าผลลัพธ์จะดีขึ้นอย่างแน่นอน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

“หากเราไม่ท้อถอยและทำงานด้วยความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ชัยชนะจะรอเราอยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ถ้าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ต้องเอารวมไทยสร้างชาติ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ในวันนี้ (26 พ.ค. 66) ถึงการขับเคลื่อนพรรคหลังการเลือกตั้งว่า พรรครวมไทยสร้างชาติยังคงเดินหน้าทำงานด้านการเมืองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พรรคมีความเข้มแข็งขึ้น ตามแนวทางและอุดมการณ์ตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค โดยหลังจากนี้จะเน้นการทำงานเป็นทีม เพื่อต่อยอดจาก 4 ล้าน 7 แสนกว่าคะแนนเสียงให้มากขึ้น และจะทำให้ 36 ที่นั่งของ ส.ส. ในสภาฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ สามารถทำงานตอบแทนพี่น้องประชาชนที่เลือกเข้ามาได้อย่างเต็มที่

อีกทั้งยังรักษาจุดยืนไว้ โดยเฉพาะสิ่งที่ตนพูดอย่างชัดเจนมาโดยตลอด คือ การไม่แก้มาตรา 112 ตอนนี้ภารกิจการจัดตั้งรัฐบาลเป็นหน้าที่ของพรรคที่ได้คะแนนเสียงในลำดับต้นๆ ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติ จะไม่เข้าไปยุ่ง รวมถึงไม่เข้าไปกีดกัน ไม่ขัดขวาง แต่ยืนยันหนักแน่นว่า พรรคจะไม่ยืนร่วมกับรัฐบาลที่มีวาระแก้ หรือยกเลิกมาตรา 112 อย่างแน่นอน ถ้ามีก็สมัครใจที่จะเป็นฝ่ายค้าน และจะไม่โหวตกับนายกรัฐมนตรีที่มีเจตนาจะไปแก้มาตรา 112 ซึ่งเป็นจุดยืนที่พรรคประกาศไว้กับประชาชนเมื่อตอนหาเสียงเลือกตั้ง และจะรักษาจุดยืนนี้ และยืนยันจะโหวตไม่เห็นชอบในสภาฯ ต่อนายกฯ ที่มีวาระการแก้ไข หรือยกเลิกมาตรา 112 อย่างแน่นอน

“เงื่อนไขเรื่องมาตรา 112 เรายอมไม่ได้ ถอยไม่ได้เรายืนยันแล้วว่าเราไม่แก้ เขาก็ต้องชัดเจนเหมือนกัน เพราะหลายเรื่องเขาไปสัญญาไว้ วันนี้ก็ถึงเวลาว่าต้องพิสูจน์กันว่าจะทำตามสิ่งที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ได้หรือไม่” นายเอกนัฏ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และอาจจะมีสูตรใหม่ ที่มีคนกล่าวถึงพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้นมานั้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้คิดถึงไปถึงขนาดนั้น ตอนนี้คิดแค่ปัจจุบัน พร้อมกลับมาทำงาน และทบทวนในการที่จะพัฒนาตัวเอง อย่างไรต่อไป ยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น

นายเอกนัฏ กล่าวด้วยว่า ตนและ ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้ติดใจว่า จะต้องเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน จะอยู่ฝั่งไหนก็สามารถทำงานได้ จะเป็นรัฐบาลก็ต้องเป็นรัฐบาลที่ดีและต้องแน่ใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีทิศทางความคิดทุกอย่างตรงกัน ไม่มีประโยชน์ที่จะไปรวมกันถ้าคิดไม่ตรงกัน เพราะในที่สุดประเทศก็ไปไม่ได้

เมื่อถามว่าหากมีพรรคอื่นมาชวนไปร่วมรัฐบาล แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ นายเอกนัฎ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือรวมไทยสร้างชาติ รวมไทยสร้างชาติ ก็คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังนั้นไม่ต้องสร้างเงื่อนไขแบบนี้ ถ้าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ต้องเอารวมไทยสร้างชาติ ซึ่งพรรคเองก็ได้ยืนยันชัดเจนในเรื่องนี้มาแล้ว

“ก่อนหน้านี้ที่มีการปล่อยข่าวออกมาว่า เดี๋ยวท่านจะค่อยๆ ออกไป คือเอาให้ชัดว่า จริงๆ ท่านช่วยพรรคมาเยอะ สี่ล้านคะแนนก็มาจากท่าน ถึงแม้เราเสนอท่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่การเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯ การเป็นนายกฯ ต้องใช้เสียงรัฐสภาฯ ถ้าเราไม่ชนะไม่ได้แปลว่าท่านต้องหยุด ท่านก็ยังสามารถขับเคลื่อนพรรคได้ เป็นสมาชิกพรรค เป็นประธานยุทธศาสตร์ฯ แล้วทุกคนก็มีความเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ อยากให้ท่านทำงานต่อ ฉะนั้นถ้าปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ ผมว่าจะเอาพรรคเราไปร่วมมันคงไม่ง่าย” นายเอกนัฏ กล่าว