13 ปี สลายชุมนุม’53 ‘ณัฐวุฒิ’ เดินหน้าแก้ กม. หลังมี รบ.ใหม่ เปิดทางครอบครัวเหยื่อฟ้องคดี

13 ปี สลายชุมนุม 2553 ‘ณัฐวุฒิ’ เดินหน้าแก้กฎหมาย หลังมี รบ.ใหม่ เปิดทางครอบครัวเหยื่อยื่นฟ้องคดีได้ใน 6 เดือน เตรียมประสาน ส.ส.เข้าชื่อแล้ว 30 คน

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะอดีตแกนนำ นปช. เผยทางเฟซบุ๊กกรณีครบรอบ 13 ปี เหตุการณ์สลายชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 พร้อมเดินหน้าผลักดันพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อให้ญาติผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมเริ่มต้นฟ้องคดีได้ใน 6 เดือน หลังรัฐบาลใหม่มีอำนาจบริหาร

นายณัฐวุฒิเปิดเผยว่า 19 พฤษภาคม 66 ครบรอบ 13 ปี การยุติการชุมนุมที่มีประชาชนเสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

สลายการชุมนุมเวลากลางคืน ปืนติดลำกล้องยิงจากระยะไกล ประกาศเขตกระสุนจริง ยิงคนมือเปล่าหน้าวัดเขตอภัยทาน คือปฏิบัติการโดยรัฐที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก

ทุกปีมีกิจกรรมรำลึก และตลอดมามีการติดตามทวงถามความยุติธรรมให้คนเจ็บคนตาย

รัฐบาลยิ่งลักษณ์จากการเลือกตั้งหลังโศกนาฏกรรมดำเนินการเรื่องสำคัญไว้ 4 ประการ

  1. มีมติ ครม.จ่ายเงินเยียวยา ผู้บาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิตจากการเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองให้ทุกฝ่าย ภายใน 7 เดือนหลังเข้าปฏิบัติหน้าที่

ครม.ชุดดังกล่าวถูกยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ต่อสู้คดีเกือบ 7 ปี ถึงที่สุด ป.ป.ช.ยกคำร้อง

2. ดำเนินคดีผู้สั่งการ ฐานบงการฆ่าโดยเจตนาเล็งเห็นผล จำเลยสำคัญคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถูกส่งฟ้องคดีถึงศาล แต่ทั้ง 2 คนร้องแย้ง จนศาลฎีกาวินิจฉัยถึงที่สุดว่าศาลอาญาไม่มีอำนาจพิจารณาคดี ต้องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเริ่มต้นที่ ป.ป.ช. ซึ่งต่อมา ป.ป.ช.มีมติยกคำร้องจำเลยทั้งคู่

อดีตอธิบดีดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบทำคดีดังกล่าวถูกนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพฟ้อง ม.157 ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก อยู่ระหว่างรอฟังคำพิพากษ์ศาลฎีกา

3. เห็นชอบให้สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยดำเนินการเรื่องการประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมือง โดยใช้ทั้งหลักประกันจากหน่วยงานรัฐและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยใช้ตำแหน่งประกันตัว

4. ผู้ต้องขังที่ศาลพิพากษาแล้ว หรือไม่อนุญาตให้ประกัน มีการจัดตั้งเรือนจำพิเศษสำหรับคุมขังผู้ต้องขังคดีการเมืองแยกจากผู้ต้องขังอื่น ต่อมาถูกยกเลิกโดย คสช.หลังรัฐประหาร

คดีความที่แทบถึงทางตัน พายเรือในอ่าง และหยุดนิ่งตลอด 9 ปีใต้อำนาจ พล.อ.ประยุทธ์กลับคืนสู่ความหวังที่จะเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง และกำลังจะมีรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย

มีหลายฝ่ายเสนอแนวทางทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผมไม่ขัดข้อง แต่จากการหารือฝ่ายกฎหมาย และทีมนโยบายของพรรคเพื่อไทย เราพบแนวทางที่น่าจะกระชับเวลา ตรงเป้า และถือเอาเป็นหลักประกันไม่ให้ผู้มีอำนาจ ใช้กำลังปราบปรามประชาชนด้วยใจลำพอง ลอยนวลพ้นผิดโดยง่ายได้อีก

ท่ามกลางเงาทะมึนของความขัดแย้ง ซึ่งอาจขยายตัวเป็นวิกฤต ในอนาคตอันใกล้ ด้วยการแก้ไข พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยมีสาระสำคัญคือ

1.หากยื่นเรื่องแล้ว ป.ป.ช.ไม่รับพิจารณา ให้ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้โดยตรงแล้วแต่กรณี

2.กรณี ป.ป.ช.ไต่สวนแล้วมีมติว่าคดีไม่มีมูล ให้ส่งสำนวน พร้อมความเห็นให้อัยการสูงสุดพิจารณา หากอัยการสูงสุดเห็นว่าคดีมีมูลความผิดอาญาให้ยื่นฟัองคดีได้ แต่ถ้าอัยการสูงสุดเห็นว่าคดีไม่มีมูล ผู้เสียหายสามารถยื่นฟ้องคดีได้โดยตรง

ผมเตรียมประสานงาน ส.ส.ที่จะเข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้แล้ว 30 รายชื่อ จะเสนอต่อรัฐบาลใหม่ให้เสนอร่างโดย ครม.ประกบด้วย และขอพลัง ส.ส.ในสภาเสนอเป็นญัตติด่วน ให้เป็นกฎหมายอีก 1 ฉบับ ในแผนงาน 100 วันแรกของรัฐบาล

หากสำเร็จตามนี้ ญาติผู้เสียชีวิตน่าจะเริ่มต้นฟ้องคดีได้ภายใน 6 เดือน หลังรัฐบาลเริ่มต้นใช้อำนาจบริหาร

ผมนำร่างฉบับที่เตรียมไว้ลงในคอมเมนต์ด้วย เพื่อผู้รู้ท่านใดมีข้อสังเกต หรือเสนอแนะที่คมชัดรัดกุมกว่า จะนำมาปรับปรุงบรรจุลงในร่างแก้ไขในทันที

ขอบคุณครับ