เผยแพร่ |
---|
มัลลิกา ยัน อุดมการณ์ประชาธิปัตย์ต้องดูแลสถาบัน ส่วนการโหวตนายกเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.ใช้ดุลพินิจได้เอง “ชูธงค้าน” หาก กก.บห.พรรคชุดรักษาการ จะออกมติชี้นำตามกระแส”
18 พฤษภาคม 2566 ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกพรรคบางคนเกี่ยวกับการจะเสนอให้กรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการมีมติเพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือส.ส.ของพรรค โหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นเรื่องนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของสมาชิกบางคนเช่นเดียวกันกับตนที่โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยเพราะการโหวตเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. และเชื่อว่าแต่ละคนสามารถใช้ดุลพินิจและรับผิดชอบเองได้โดยไม่ต้องมีใครชี้นำ ขณะเดียวกันขณะนี้พรรคไม่มีกรรมการบริหารเพราะหัวหน้าพรรคได้ลาออกไปแล้วหากจะใช้มติของกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการมาชี้นำส.ส.ก็ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ควรทำในสถานการณ์เรื่องนี้
” ขณะนี้นโยบายของพรรคก้าวไกลเรื่องแก้ไขจนถึงยกเลิกมาตรา112 ยังเป็นชนวนปัญหาและว่าที่ผู้นำประเทศอย่างนายพิธาก็ยังไม่ได้ปลดล็อคหรือว่าถอดฟืนออกจากกองไฟจึงไม่ควรเข้าไปอยู่ในสมการที่จะกลายเป็นตำนานให้พรรคประชาธิปัตย์จะต้องมาตอบคำถาม เพราะหลักการของพรรคประชาธิปัตย์มั่นคงเป็นเสาหลักที่ชัดเจนอยู่แล้ว เราจะไหลไปตามกระแสโดยไม่ยึดหลักที่ดีงามไว้บ้างแล้วประเทศชาติจะพึ่งพาใคร DNAและอุดมการณ์ของเราคือ การยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต ความเป็นธรรมต่อประชาชนและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หากเราจะมีพลวัตสิ่งนั้นมันคือเครื่องมือแห่งการเปลี่ยนแปลงคือความทันสมัยและAIหรือนวัตกรรมต่างหากที่เราจะเปลี่ยนไม่ใช่ไปเปลี่ยนหลักการ และอุดมการณ์” ดร.มัลลิกา กล่าว