อนุทิน ปรามพรรคหาเสียงเปลี่ยนประเทศ อย่าคิดแต่เอามัน ขนาด 2475 ยังไม่เปลี่ยนเลย

‘อนุทิน’ ซัด หาเสียงด้วยวาทกรรมไม่ทำให้ประเทศเดินหน้า ชี้ ปชช.แยกแยะออกถึงมีคนนอกปั่นกระแส เหน็บ พวกประกาศจับมือขั้วการเมือง ถามปชช.หรือยัง

เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 8 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จัดการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ว่า ตนไม่ได้สนใจเรื่องนอกพรรค เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ จำไม่ได้ว่าวันๆ อยู่ที่ไหนบ้างเพราะลงพื้นที่อย่างเดียว ไม่ได้ติดตามข่าว ทางลูกพรรคก็ไม่ได้ติดต่อเรื่องอะไรมาที่ตนว่า พรรค ภท. จะมีความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไร เขาไม่คิดเรื่องอย่างนี้แล้ว ต้องคิดอย่างเดียวว่าจะทำให้ประชาชนมั่นใจและเลือกเข้ามา

เมื่อถามว่า ช่วงโค้งสุดท้ายพรรค ภท. จะมีหมัดเด็ดในการหาเสียงอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า เรานำเสนอนโยบายที่มั่นใจว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน และทำให้ประชาชนเห็นว่า พรรค ภท. ยึดมั่นในการเป็นพรรคการเมืองที่ชอบความแตกแยก ไม่แบ่งฝ่าย ตั้งใจทำงาน ต้องนำประเทศไทยออกจากจุดที่ไม่มีความสามัคคีของคนในชาติให้เร็วที่สุด

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวแบ่งแยกและมีขั้วเก่าขั้วใหม่เกิดขึ้น นายอนุทินกล่าวว่า “กระแสมีคนสร้างขึ้นมา กระแสถูกสร้างโดยคน คิดว่าประชาชนแยกแยะออกว่า จะเชื่อในข้อมูลใดแล้วเขาได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์หรือไม่ ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องของการเมือง คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองก็ต้องมาข้องเกี่ยว เยอะแยะไปหมด ซึ่งเป็นเรื่องของนักการเมืองและผู้สมัคร ควรที่จะต้องจำกัดวงผู้เล่นให้ได้มากที่สุด ผู้สมัครแต่ละคนที่จะเข้ามาก็ต้องผ่านการตรวจคุณสมบัติของกกต. ว่า ผู้สมัครคนนั้นมีประวัติไม่ดีอะไรหรือไม่ หรือมีประวัติอาชญากรรมหรือไม่ ถ้ามีก็เข้ามาสมัครไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องถือว่าเขามีคุณสมบัติครบถ้วน คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะมาเที่ยวว่ากล่าว ทำให้ความแตกแยกเพิ่มขึ้นไม่จบสิ้น พรรค ภท. จึงไม่ตอบโต้ ไม่สนใจ เพราะถ้าสนใจก็จะมีความรู้สึกและกลับไปโต้ตอบ แล้วก็เกิดความขัดแย้ง เรามั่นใจว่า เราทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน พรรคภท. ก็เดินบนถนนของพรรค ภท.”

เมื่อถามว่า หากผลการเลือกตั้งออกมาตามกระแส จะทำให้ทิศทางของประเทศเปลี่ยนไปหรือไม่ นายอนุทินถามกลับว่า กระแสไหนล่ะ ถ้าถามกระแสพรรค ภท. เราก็มีความเชื่อมั่น ต่างคนต่างมีแฟนคลับเป็นของตัวเอง และให้เกียรติซึ่งกันและกัน เวลาตนไปปราศรัยที่ไหน ตนให้คำสัญญากับชาวบ้านว่า หากเราได้กลับมาทำงานให้ประชาชน แม้กระทั่งนโยบายของพรรคอื่นที่เราขับเคี่ยว แข็งขันกันมาในช่วงเลือกตั้ง ที่เป็นประโยชน์ให้แก่ประชาชน เราพร้อมสนับสนุน ไม่กีดกัน เราทำการเมืองสร้างสรรค์ดีกว่า ถามว่านักการเมืองทะเลาะกันแล้วใครเสียประโยชน์ นักการเมืองไม่เห็นเสียประโยชน์สักคน มีแต่ประชาชนเสียประโยชน์ กับการไปบอกว่าพรรคนี้ไม่เอาคนนั้น พรรคนั้นไม่เอาคนนี้ ถามว่า พรรคการเมืองเป็นของใครคนใดคนหนึ่งหรือเปล่า เข้ามามีบทบาทได้เพราะประชาชนเลือกมา

เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว พรรคการเมืองเป็นของประชาชน ไปพูดอะไรแทนประชาชน เกรงใจประชาชนบ้าง การบอกว่าไม่จับกับพรรคนู้นพรรคนี้ มีอำนาจในการพูดเช่นนั้นหรือเปล่า ถามประชาชนหรือยัง ประชาชนต้องการให้เกิดความแตกแยกเช่นนั้นหรือ บางทีคนที่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทำงานภาคเอกชนมามาก คิดว่าพรรคการเมืองเป็นบริษัท สั่งซ้ายหันขวาหันได้ ไม่ใช่ พรรคการเมืองเป็นของประชาชน เป็นของสาธารณะ ทำอะไรต้องคิดถึงประชาชน และไม่มีคำว่าเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อย ไม่มีผู้ถือหุ้น แต่มีกรรมการบริหาร มีสมาชิกพรรค ซึ่งเสียงทุกคนเท่ากันหมด

นายอนุทินยัง แสดงความเห็นถึงพรรคการเมืองบางพรรคมีการหาเสียงด้วยประเด็นเปลี่ยนประเทศและไม่ต้องการให้เปลี่ยน ว่า การหาเสียงด้วยวาทกรรม ไม่นำพาประเทศไปไหน จะเปลี่ยนประเทศอย่างไร เปลี่ยนให้คนเคยรักกันไปเกลียดกันหรือ อย่างนี้ถือว่าควรเปลี่ยนไหม เปลี่ยนของที่มีดีอยู่แล้ว ทุกคนมีความสุข มีความรู้สึกร่วมเย็น มีสถาบันคอยดูแลประเทศนี้มาเป็น 100 ปี แล้วจะเปลี่ยนให้ไม่มี ขนาดปี 2475 ก็ยังไม่เปลี่ยนเลย เพราะฉะนั้นต้องคิดกันให้ดีๆ จะคิดเพียงแต่เอามันไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของบ้านเมือง