“จุรินทร์-ไพฑูรย์-นราพัฒน์” ปราศรัยใหญ่พิจิตร ชูเลือกประชาธิปัตย์พาชาติรอด!

3 พ.ค. 2566เวลา 17.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ แก้วทอง ราษฎรอาวุโสของชาวจังหวัดพิจิตร อดีต ส.ส. และรัฐมนตรีหลายกระทรวง นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ภาคเหนือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ (เสธ.อ้าย) นอกจากนี้ยังมีผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือตอนล่าง มาร่วมกันขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่บริเวณโรงเรียนตะพานหิน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร พร้อมกับผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 พล.ท. ฉลวย แย้มโพธิ์ใช้ เบอร์ 3 เขต 2 พ.ต.ท.สามารถ แก้วทอง เบอร์ 6 เขต 3 นายวรวุธ แก้วทอง เบอร์ 1

โดยบรรยากาศในวันนี้นอกจากมีพี่น้องประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมากจนล้นสนามกีฬาโรงเรียนแล้ว ชาวพิจิตรยังเข้ามาขอถ่ายรูป มอบพวงมาลัย ดอกกุหลาบ เพื่อเป็นกำลังใจให้นายจุรินทร์อย่างคับคั่ง

นายจุรินทร์ ได้กล่าวปราศรัยว่า มาถึงวันนี้เหลือเวลาเพียง 10 วันจะถึงวันเลือกตั้ง ดังนั้นจึงถึงเวลาที่พี่น้องต้องตัดสินใจ เพราะเลือกตั้งครั้งนี้จะมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ขอให้เลือกประชาธิปัตย์ทั้ง 2 ใบ เพื่อให้ประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.มากที่สุดสำหรับเข้าไปทำงานรับใช้พี่น้องได้มากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ยังกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีโอกาสแลนด์สไลด์ยาก ตามที่มีนักวิเคราะห์ รวมทั้งผลสำรวจโพลบอกตรงกันว่า เที่ยวหน้าจะไม่มีพรรคการเมืองไหน แลนด์สไลด์เลยแม้แต่พรรคเดียว ดังนั้นเมื่อไม่มีพรรคไหนแลนด์สไลด์ก็แปลว่าไม่มีพรรคไหนจะสามารถรวมเสียงข้างมากเพื่อตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน ซึ่งเท่ากับว่าทุกพรรคจะมีโอกาสตั้งรัฐบาลได้พอ ๆ กัน ดังนั้นทุกเสียงจึงมีความหมายสำหรับประชาธิปัตย์

นายจุรินทร์ ยังแนะวิธีเลือกพรรคการเมืองเพื่อเข้าไปบริหารประเทศว่า ให้ดู 2 ข้อ 1. ดูว่าพรรคการเมืองไหนเลือกไปแล้วจะพาประเทศชาติรอด 2. เลือกแล้ว ตัวเราและประเทศจะได้อะไร เพราะหลังเลือกตั้งประเทศไทยจะมีปัญหา 2 เรื่อง ทั้งปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และปัญหาประชาธิปไตย พร้อมกับยืนยันว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่พี่น้องประชาชนมั่นใจได้ว่าในยามประเทศวิกฤต ประชาธิปัตย์สามารถพาประเทศรอดได้ เพราะเราเคยทำมาแล้ว ถึง 2 ครั้ง ทั้งสมัยรัฐบาลชวน 2 และสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์

ดังนั้น ถ้าพี่น้องประชาชนช่วยกันสนับสนุนประชาธิปัตย์ ให้สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ประชาธิปัตย์ ก็พร้อมฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ รวมทั้งสามารถนำพาประเทศฝ่าวิกฤตประชาธิปไตย โดยเราจะไม่เป็นรัฐบาลที่พาประเทศไปสุ่มเสี่ยงต่อการถูกยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหารอีก เพราะประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และประชาธิปัตย์ไม่โกง เพราะถ้าโกงเมื่อไหร่ ก็ยึดอำนาจเมื่อนั้น โดยได้ยกตัวอย่างการยึดอำนาจใน 2 ครั้งที่ผ่านมา ผู้ยึดอำนาจให้เหตุผลว่ามีการทุจริตคอรัปชั่น และมีทุจริตเชิงนโยบาย ส่วนปี 2557 มีการยึดอำนาจเพราะทุจริตจำนำข้าวและออกกฎหมายล้างผิด ดังนั้นถ้าประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล เราจะไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการยึดอำนาจอีก และรักษาประชาธิปไตยไว้ได้ด้วยการไม่โกง และบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเหมือนที่ได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว