‘พิธา’ ชูวาระ ‘9 เปลี่ยนของรัฐบาลก้าวไกล’ ปราศรัยใหญ่สามย่าน ‘ช่อ’ ปลื้มหัวคะแนนธรรมชาติช่วยพรรคกระแสดี

คนแน่นเวที ‘ก้าวไกล’ ปราศรัยใหญ่สามย่าน ‘ช่อ’ ปลื้มหัวคะแนนธรรมชาติช่วยพรรคกระแสดี ‘พิธา’ ชูวาระ ‘9 เปลี่ยนของรัฐบาลก้าวไกล’ เน้นตรงไปตรงมา เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนถวิลหา-ไว้ใจได้
.
วันที่ 22 เมษายน 2566 ที่สามย่านมิตรทาวน์ พรรคก้าวไกลจัดการปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง มีแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยหลังจบการปราศรัยวันนี้ แกนนำและผู้ช่วยหาเสียงแต่ละคนจะกระจายไปหาเสียงในทุกภาคของประเทศ ก่อนกลับมารวมกันอีกครั้งในวันที่ 12 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง

บรรยากาศการปราศรัยวันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนร่วมฟังจนเต็มและล้นพื้นที่ ทำให้เก้าอี้จำนวน 1,500 ที่นั่งที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอ ทุกที่นั่งเต็มตั้งแต่ราว 10 นาทีแรก โดยตลอดงานคาดว่ามีประชาชนทุกช่วงวัยมาร่วมการปราศรัยครั้งนี้ประมาณ 2,000-3,000 คน
.
ก่อนการปราศรัย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล และ พรรณิการ์ วานิช กรรมการมูลนิธิคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้เปิดเวทีให้ประชาชนที่รอฟังการปราศรัย ถามคำถามกันสดๆ ไม่ว่าจะเป็นคำถามเกี่ยวกับนโยบายการศึกษา ชั่วโมงเรียนดีมีคุณภาพ ลดคาบเรียน-การบ้าน-การสอบ, นโยบายสาธารณสุข ลดชั่วโมงการทำงานบุคลากรทางการแพทย์, นโยบายแก้ปัญหาการคอร์รัปชัน สร้างระบบที่ดีมากกว่าหวังพึ่งพาคนดี เป็นต้น

[ กระตุ้นหัวคะแนนธรรมชาติ โค้งสุดท้ายดันกระแสพรรคทะลุ 31% ]
.
จากนั้น พรรณิการ์ขึ้นปราศรัยเป็นคนแรก กล่าวว่า 3-4 เดือนก่อน ทุกคนยังเป็นห่วงพรรคก้าวไกลว่าไม่มีป้ายหาเสียง ไม่ค่อยเห็นการรณรงค์ของผู้สมัคร นั่นเพราะพรรคก้าวไกลทุนน้อย จึงต้องทุ่มทรัพยากรหาเสียงกันในช่วงสุดท้ายของการเลือกตั้ง และเงินทุนในการหาเสียงเลือกตั้งทั้งหมดก็มาจากการทอดผ้าป่าของประชาชน รวมกว่า 12.5 ล้านบาทในเวลาเพียง 1 เดือน พรรคก้าวไกลกำลังทำให้เห็นว่าการเมืองของประชาชน ออกเงินโดยประชาชน ไม่เกรงใจใครนอกจากประชาชนเป็นไปได้จริง

วันนี้ทุกกระแสบอกว่าพรรคก้าวไกลเติบโต เปิดเข้าไปในแอปพลิเคชัน TikTok เจอแต่พรรคก้าวไกล เราเป็นพรรคที่มีหัวคะแนนเยอะที่สุดในประเทศไทย เป็นหัวคะแนนธรรมชาติที่เกิดจากประชาชน เหลือเวลาอีก 22 วัน กำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ขอให้หัวคะแนนธรรมชาติทุกท่าน เพิ่มความแข็งขันเพิ่มการผลิต TikTok ช่วยกันเปลี่ยนคะแนนนิยมจาก 21% ให้ทะลุ 31% เรามาเพื่อชนะและเพื่อเป็นรัฐบาล ไม่ใช่เพื่อให้ใครได้เป็น ส.ส. แต่เพื่อพิสูจน์ว่าพรรคก้าวไกลคือพรรคที่จำเป็นต้องมีอยู่และจะมีอยู่อย่างยั่งยืนในการเมืองไทย

[ ก้าวไกลต้องเป็นรัฐบาล เปลี่ยนอนาคตลูกหลานไทย ]

ต่อมา ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 27 (เขตบางบอน และเขตบางขุนเทียน) เบอร์ 1 และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ชัยชนะของพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2562 ได้ทลายกำแพงไปแล้วครึ่งหนึ่ง เอาคนเข้าไปพูดในสภาฯ ได้ 81 คน ต่อมาเป็นพรรคก้าวไกล เราสร้างความเปลี่ยนแปลงได้แล้วในฝ่ายนิติบัญญัติแม้เป็นฝ่ายค้าน ดังนั้น รอบนี้จะปล่อยผ่านไปไม่ได้ เราต้องการเข้าไปทำงานอีกแบบหนึ่ง คือฝ่ายรัฐบาล วันที่ 14 พฤษภาคม ก้าวไกลต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้นเพื่อการเปลี่ยนแปลง เพื่ออนาคตลูกหลานคนไทยทุกคน

[ ‘เซีย’ ลั่นแรงงานจะเข้าไปเปลี่ยนประเทศ ]

เซีย จำปาทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้นำปีกแรงงาน กล่าวว่า หลายสิ่งในประเทศล้วนเกิดขึ้นจากฝีมือของพี่น้องแรงงาน เช่น ตึกขนาดใหญ่ พื้นที่ในห้างที่เงาวับ แต่ด้วยโครงสร้างของประเทศไทย ทำให้กรรมกรทำงาน 20-30 ปี ก็ไม่มีวันรวย มีแต่ค่าใช้จ่ายและหนี้สิน หลาย 10 ปีที่ผ่านมา พี่น้องแรงงานฝากความหวังไว้กับหลายพรรคการเมือง แต่วันนี้ตนในฐานะกรรมกรคนหนึ่งได้เข้ามาทำเอง จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนร่วมต่อสู้กับพรรคก้าวไกล ตนจะพิสูจน์ให้เห็นว่ามือกรรมกรจะเปลี่ยนประเทศให้เป็นรัฐสวัสดิการและเป็นประชาธิปไตย กาก้าวไกล 2 ใบ แรงงานไทยไม่เหมือนเดิม

[ อย่ากักขังประเทศอยู่ในความทรงจำของอดีต ไม่เอาทั้ง 2520 และ 2540 ]

ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่ผ่านมาการต่อสู้ในทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม มักมีความโหยหาถึงเหตุการณ์การต่อสู้ในอดีต หรือเหตุการณ์ในต่างประเทศ แต่การคิดถึงอดีตเหล่านี้กลายเป็นการไปล้อมกรอบอนาคต ปิดกั้นจินตนาการใหม่ๆ ซึ่งการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ก็มีความพยายามนำพาสังคมไทยกลับไปหาอดีตเช่นกัน โดยฝ่ายหนึ่งจะพาสังคมไทยกลับไปยังยุค 2520 ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็พาเรากลับไปยังยุค 2540

การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ต้องไม่พาประเทศกลับไปอดีต ไม่ว่าจะเป็นแบบ 2520 ที่นโยบายเศรษฐกิจนำไปสู่การส่งส่วยให้กลุ่มทุนใหญ่ ปล่อยให้ขูดรีดค่าเช่าทางเศรษฐกิจ มีพรรคจำนวนมากๆ แบบไม่มีอุดมการณ์ ตั้งพรรคมาเพื่อรวบรวม ส.ส. ให้ได้มากพอไปขอแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี หรือแบบ 2540 ที่นโยบายเศรษฐกิจคิดแต่เพียงกระตุ้นเศรษฐกิจ ขยายเค้กก้อนใหญ่ให้ทุนได้เติบโต แล้วค่อยแบ่งปันให้คนเล็กคนน้อยผ่านบางนโยบาย มีพรรคขนาดใหญ่พรรคเดียว เอา ส.ส. ทุกคนรวมเข้ามาโดยไม่คิดถึงอุดมการณ์ คิดแต่เพียงเพื่อเอาชนะเลือกตั้งให้เด็ดขาด เกิดวิกฤตการเมืองหรือรัฐประหารก็ย้ายข้างไปซบทหารแล้ววันหนึ่งก็กลับมาใหม่

ขอเชิญชวนประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศทุกคน ต้องร่วมกันทลายกรอบความทรงจำของอดีตที่คอยกักขังอนาคต ร่วมมือกันสร้างอนาคตใหม่ที่จะไม่เหมือนปี 2520 และ 2540 แต่เป็นอนาคตใหม่ที่กล้าชนกับต้นตอของปัญหา กล้าเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ใช้อำนาจสูงสุดของประชาชนในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เปิดประตูจินตนาการใหม่ และความเป็นไปได้ใหม่ เลือกพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลาย เพื่อประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

[ ประชาชนต้องไม่เจียมตัว กล้าฝันใหญ่เปลี่ยนประเทศ ]

ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า มีคนบอกการเมืองแบบอนาคตใหม่ การเมืองแบบก้าวไกลเป็นเรื่องเพ้อฝันเป็นไปไม่ได้ ประเทศนี้ดีพออยู่แล้ว อย่าคิดเปลี่ยนแปลงอะไร ทำไมเราต้องถูกกดบีบให้เจียมเนื้อเจียมตัว พอเพียง คิดได้ไกลที่สุดอย่างมากก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ปะผุเล็กๆ น้อยๆ ตรงข้ามกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม

นี่จึงเป็นที่มาของพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกลในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าเราต้องฝัน และความฝันของเราเป็นไปได้ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาประชาชนจึงเห็นได้ว่าสภาผู้แทนราษฎรเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน แนวคิดนโยบายแบบยกเลิกการเกณฑ์ทหาร-ปฏิรูปกองทัพทุกพรรคถึงเอาไปแข่งกันหาเสียง นโยบายความเท่าเทียมทางเพศที่เคยถูกกดเอาไว้ ถึงกลายเป็นนโยบายที่แข่งกันผลักดันตอนนี้ ถ้าไม่กล้าคิด กล้าฝัน ไม่มีพรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล ลองจินตนาการว่าประเทศนี้จะเป็นอย่างไร

เราไม่เชื่อว่าประชาชนมีเจ้าของ ประชาชนไม่ใช่ปลาในบ่อใคร แต่ประชาชนเจ็บแล้วจำ ท่านเลือกแบบไหนท่านเลือกเลย สำหรับก้าวไกลเราคิดและพิสูจน์แล้ว 4 ปีที่ผ่านมา เราทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา เราพยายามทำงานอย่างคุ้มค่าที่สุดเพื่อตอบแทนทุกคะแนนเสียงที่พี่น้องประชาชนมอบให้ ไม่เกรงใจใครเกรงใจคนเดียวคือพี่น้องประชาชน ถ้าชอบการเมืองแบบนี้ 14 พฤษภาคมนี้กาก้าวไกลเพื่อไปสร้างความเปลี่ยนแปลง กาก้าวไกลเพื่อเอาประยุทธ์ออกไป เอาประวิตรออกไปด้วย กาก้าวไกลเพื่อเอาคนใหม่ไปบริหารประเทศและทำในสิ่งที่นักการเมืองเก่าทำไม่สำเร็จ

[ โดดเดี่ยวจากนักการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์ แต่เคียงข้างประชาชน ]

ต่อมาธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนเดินทางไปหลายจังหวัด หลายคนบอกว่าเลือกตั้งไปทำไม เลือกใครไปก็เหมือนเดิม ชีวิตไม่เคยดีขึ้น เพราะเหตุนี้ พรรคก้าวไกลจึงใช้คำขวัญในการเลือกตั้ง 2566 ว่า ‘กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’ เพื่อบอกว่าภาพประเทศไทยในฝันของพรรคก้าวไกล เช่น ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่รวมศูนย์อำนาจ ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน สิทธิเสรีภาพของประชาชนได้รับการรับประกัน สร้างรัฐสวัสดิการที่ดูแลคนตั้งแต่เกิดจนตายอย่างถ้วนหน้า หากประชาชนมีความฝันเดียวกับพรรคก้าวไกล ต้องกาให้พรรคก้าวไกลเข้าไปสร้างสังคมไทยผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้

ที่ผ่านมามีคนบอกว่าพรรคก้าวไกลไม่มีประสบการณ์ ทำงานไม่เป็น แต่ผ่านมาสี่ปี พรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่าทำงานในสภาฯ โดดเด่นเหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น บางคนบอกว่าพรรคก้าวไกลเสนอบางเรื่องเร็วเกินไป แต่ตนต้องบอกว่าความเดือดร้อนของประชาชนนั้นรอไม่ได้ บางคนบอกว่ารัฐสวัสดิการ ทำไม่ได้ แต่ตนต้องบอกว่าโจทย์ไม่ได้เริ่มต้นจากการที่บอกว่าทำได้หรือทำไม่ได้ แต่อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ มีเจตจำนงทางการเมืองมากพอหรือเปล่า หรือบางคนบอกว่า พรรคก้าวไกลแก้ปัญหาที่ต้นตอ จะทำให้ถูกโดดเดี่ยว แต่หากต้องโดดเดี่ยวจากนักการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์ แต่เป็นเพื่อนกับประชาชน พรรคก้าวไกลเลือกแบบนี้

ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายบริหาร แล้วทำไม่ได้อย่างที่พูด ตนจะไม่เป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า 14 พฤษภา อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือของทุกคน ถ้าเชื่อเหมือนกันว่าปัญหาของประเทศไทยไม่ใช่ปัญหาเชิงประเด็น แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงต้องปลดล็อกโครงสร้าง ถ้าเชื่อเหมือนกันว่านี่ไม่ใช่เวลาที่คนไทยต้องเจียมเนื้อเจียมตัว แต่เป็นเวลาที่ต้องกล้าทะเยอทะยาน ขอโอกาสพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ขอโอกาสพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี กาก้าวไกลให้ถล่มทลายทั้งสองใบ

[ รัฐบาลก้าวไกล กับวาระ ‘9 เปลี่ยน’ ครั้งประวัติศาสตร์ ]

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ปราศรัยปิดท้ายกล่าวว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะทำให้เกิด ‘9 เปลี่ยน’ เป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน ตามยุทธศาสตร์ ‘การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ ประกอบด้วย (1) มีรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เปลี่ยนจากเผด็จการจำแลงให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ 2) เปลี่ยนประเทศที่ทุกอย่างถูกรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพฯ ให้เป็นประเทศไทย ด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ 3) มีระบบการแก้ปัญหาทุจริต โดยพลิกโฉมเปลี่ยนจากรัฐปกปิดให้เป็นรัฐโปร่งใส

4) เปลี่ยนจากที่ดินนายทุน ขุนศึก ศักดินา ให้กลายเป็นที่ดินของประชาชน 5) สำหรับแรงงานทั่วประเทศ เปลี่ยนจากการขึ้นค่าแรงตามใจผู้มีอำนาจ เป็นการขึ้นค่าแรงที่แปรผันตามค่าครองชีพ โดยจะขึ้นทันที 450 บาท ก่อนขึ้นอัตโนมัติตามค่าครองชีพ 6) เปลี่ยนจากค่าไฟแพงให้เป็นค่าไฟแฟร์ สร้างประชาธิปไตยทางพลังงาน ด้วยเสรีโซลาร์เซลล์ 7) เปลี่ยนจากสวัสดิการแบบลุ้นโชค เหมือนในช่วงโควิดที่ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เยียวยาไม่ทั่วถึง ชีวิตนี้รำพึงคิดถึงแต่ความตาย พลิกโฉมให้เป็นสวัสดิการถ้วนหน้าที่ไม่ต้องพิสูจน์ความจน

8) พลิกโฉมการศึกษาจากเรียนมากได้น้อย เป็นเรียนเน้นได้มาก คืนเวลาให้ครู ไม่ต้องทำงานธุรการ ไม่ต้องเฝ้าเวร ทำเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ ให้ครูได้มีเวลาไปสอนลูกหลานของเราได้อย่างเต็มที่ และ 9) นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ระบบเศรษฐกิจจะทำงานให้ทุกคนในประเทศ ไม่ใช่คนแค่ 1% ไม่ต้องรอให้เค้กโตก่อนแล้วค่อยเจียดมาแบ่งกัน แต่เราจะเริ่มแบ่งเค้กกันตั้งแต่ตอนนี้แล้วโตไปด้วยกัน

ดังนั้น ถ้าชอบวิถีแบบพรรคก้าวไกล ชอบวิธีปฏิบัติแบบพรรคก้าวไกล 14 พฤษภาคม ต้องกาพรรคก้าวไกลให้คนใหม่ไปเปลี่ยนแปลงประเทศ กาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจะเป็นชัยชนะที่สูงสุดของประชาชนทุกคน เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้แล้ว ขอให้ทุกคนเดินทุกถนน เคาะทุกประตู ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงประเทศไทย และเปลี่ยนโลกใบนี้ไปด้วยกัน