‘ประวิตร’ ลั่นเรียน ตท.ต้องพร้อมโดน ซ่อม- ธำรงวินัย ยันเหตุ ‘น้องเมย’ เสียชีวิตไม่ได้ถูกซ่อม

‘ประวิตร’ ลั่นเรียน ตท.ต้องพร้อมโดน ซ่อม- ธำรงวินัย ระบุ ตนก็เคยโดนสลบ ยันเหตุน้องเมย เสียชีวิต ไม่ได้โดนซ่อม บอก สุขภาพไม่ดี ‘ผบ.ททส.’ แก้ทันควัน ยัน เมย ไม่เป็นอีทโตรก พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบ ไลน์แฉโดนรุ่นพี่ซ่อม
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต หลัง บิดามารดา นำร่างไปชันสูตรและพบว่าอวัยวะภายในหาย และยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตว่า กองบัญชาการกองทัพไทย(บก.ทท.)ชี้แจงไปหมดแล้ว รวมถึงมีกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน และแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ทุกอย่างว่าไปตามระเบียบ และกฎหมาย อีกทั้งทางแพทย์ได้ประสานไปยังผู้ปกครองให้รับอวัยวะภายในคืนแล้ว จำนวน 4 ชิ้น ภายหลังการพิสูจน์ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ผ่านมา 1 เดือน และทางโรงเรียนเตรียมทหารได้ติดต่อพูดคุยกับครอบครัว รวมถึงการช่วยเหลือจัดงานฌาปนกิจศพ เห็นใจกับครอบครัว เพราะลูกชายเพียงเดียวพ่อแม่ต้องเสียดาย ทั้งยังเป็นนักเรียนเตรียมทหารด้วย

“ยืนยันว่าเรื่องชิ้นส่วนอวัยวะที่ถูกตัดไปพิสูจน์นั้นไม่ได้เป็นการปกปิดข้อมูล และทางพนักงานสอบสวนก็ได้รายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ถือเป็นขั้นตอนทางการแพทย์ และทางพ่อแม่ไม่ได้แจ้งมาเช่นกันว่ายังไม่ได้รับชิ้นส่วนดังกล่าวคืน ผมยืนยันว่าเด็กเสียชีวิต เนื่องจากสุขภาพของเอง ไม่มีการซ่อมอะไรทั้งสิ้น เขาป่วย และเชื่อว่าทางโรงเรียนไม่ได้ปิดบังข้อมูล แม้ว่าบริเวณที่เด็กล้มลงจะไม่มีภาพวงจรปิดก็ตาม เพราะหากเสียชีวิต ใครจะมาปิดบังสาเหตุก็ไม่ได้ “ พล.อ.ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่า หากเด็กสุขภาพไม่ดี ทำไมถึงเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “อยากทราบเช่นกัน ตอนรับสมัครก็มีแพทย์ตรวจคัดกรองแล้ว แต่อาจมาเป็นช่วงตอนเข้าเรียน ซึ่งเด็กเป็นโรคฮีทสโตรก ส่วนที่เปิดบันทึกประจำวันของเด็กที่ระบุว่าเขาโดนซ่อมนั้น ผมคิดว่าก็โดนซ้อมกันทุกคน ผมก็เคยโดนมาเหมือนกัน เช่น วิดพื้น วิ่ง สก๊อตจั๊ม ไม่ต้องถูกตัวกัน และการซ่อมไม่ได้มากมายอะไร ขณะเดียวกันประเด็นที่เด็กเคยโดนซ้อมจนหยุดหายใจไปครั้งหนึ่งนั้น เพราะเขาเป็นโรคฮีทสโตรก ซึ่งการเป็นโรคนี้เกิดจากการฝึก หรือแม้แต่ยืนตากแดดเฉยๆก็เป็นเพราะอากาศร้อน ใครจะไปรู้ว่าลูกเขามีภาวะหัวใจล้มเหลวฉับพลัน พร้อมทั้งยืนยันว่าการซ้อมไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน”
เมื่อถามต่อว่า หากการซ้อม เกินกำลังคนจะรับได้ จะทำอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมก็เคยโดนซ่อมจนเกินกำลังจะรับได้ จนสลบไปเหมือนกัน แต่ผมไม่ตาย เรื่องเหล่านี้ก่อนจะรับเด็กเข้ามาต้องตรวจเช็กร่างกายเป็นอย่างดี แต่เข้ามาแล้วเป็นโรคฮีทสโตรกก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ที่ผ่านมาสัดส่วนนักเรียนเสียชีวิตจากโรคนี้จะน้อย แม้ว่าจะโดนซ้อม แต่ร่างกายแข็งแรง
เมื่อถามอีกว่าจะแก้ไขปัญหาพวกนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องเข้ามาเรียน ไม่ต้องมาเป็นทหาร เราเอาคนที่เต็มใจ เมื่อถามย้ำว่า การเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ต้องเตรียมใจเรื่องการธำรงวินัย ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เด็กควรที่จะไปตายด้วยเหตุผลอื่น เช่น การออกสงคราม และการต่อสู้กับผู้ร้าย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กรณีนี้เด็กเสียชีวิต เพราะไม่สบาย ถ้าให้ตนเลือกตายได้ก็ขอตายในสนามรบ

จากนั้น พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวชี้แจงแก้ภายหลังว่า นักเรียนเตรียมทหารคนดังกล่าว ไม่มีสภาวะการเป็น โรคฮีทสโตรก ทางแพทย์ที่ดูแลชี้แจงแล้ว คาดว่าน้องน่าจะมีโรคประจำตัว แต่ไม่ได้ร้ายแรง และขัดต่อการเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ทั้งนี้ตนได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีที่มีไลน์ของเด็กหลุดและระบุว่าถูกรุ่นพี่ซ่อม เพื่อหาข้อเท็จจริง

“บางครั้งการซ่อมเป็นเรื่องของการอบรมวินัย ซึ่งนักเรียนเตรียมทหารเป็นเรื่องปกติ ที่มีต้องการซ่อม เพราะเป็นการสร้างวินัยในการแปรสภาพจากพลเรือนไปสู่การเป็นทหาร แต่ไม่สามารถซ่อมเกินกรอบที่กำหนดเอาไว้ได้ หากเป็นเช่นนั้นถือว่ามีความผิด และจะต้องมีการสอบสวนและลงโทษ ซึ่งในส่วนของ นักเรียนเตรียมทหารคนดังกล่าว ผู้ปกครองระบุว่ามีการโดนซ่อมด้วย ซึ่งเราก็จะสอบส่วนตรงนี้ทั้งหมด ขณะนี้เราต้องทำความเข้าใจกับพ่อแม่ให้ดีที่สุด โดยเฉพาะ ข้อข้องใจของครอบครัวเราก็จะชี้แจงทั้งหมด ซึ่งจะมีขั้นตอนทางการแพทย์ ระเบียบวินัย รวมถึงเพื่อนๆที่อยู่ในเหตุการณ์” พล.อ.ธารไชยยันต์ กล่าว

ผบ.ทสส. กล่าวอีกว่า ในส่วนของการขอคืนอวัยวะภายในนั้นเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินการโดยญาติจะต้องประสานมายังพนักงานสอบสวน แต่กรณีนี้ญาติไม่ได้ขอมา และเมื่อวานนี้ทางแพทย์ถึงได้รับการประสานมาเพื่อขอคืน อย่างไรก็ตามการดำเนินการทุกอย่างเรามีเอกสารเป็นหลักฐาน ซึ่งทางโรงพยาบาลพระมงกุฎก็พร้อมที่จะส่งเอกสารเหล่านี้

“ ปีนี้ครบรอบ 60 ปีของโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเราก็มีการพัฒนาหลักสูตรการฝึกระเบียบวินัยมาโดยตลอด เด็กเข้าไปเป็นทหาร เป็นผู้นำกองทัพในอนาคต พร้อมทั้งยืนยัน ระบบให้รุ่นพี่ ปกครองรุ่นน้อง ในโรงเรียนเตรียมทหาร ยังคงต้องมีอยู่ เพราะเด็กเหล่านี้จะต้องเข้าสู่การคัดเลือกเหล่า ว่าจะสังกัด ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และ ตำรวจ ต่อไป” พล.อ.ธารไชยยันต์ กล่าว

ขณะ พล.ท.คงชีพตัน ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวย้ำเพิ่มเติมว่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ผู้เสียชีวิตไม่ได้มีอาการอีสโตรก ซึ่งกระทรวงกลาโหมให้ความสำคัญในเรื่องการฝึกทุกระดับตั้งแต่นักเรียนเตรียมทหารเป็นต้นไปยืนยันทุกชีวิตมีค่า แต่จะต้องมีการฝึกเพื่อให้เตรียมพร้อม ทำการรบ เช่นเดียวกับการใช้กำลังลง คงมั่นคงไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสีย