พล.อ.ประยุทธ์ มอง พ่นกำแพงร้องเลิก 112 เป็นการกระทำของคนขาดสติ

‘บิ๊กตู่’ ซัดฝีมือมนุษย์พวกขาดสติ-ขาดสามัญสำนึกพ่น ‘กำแพงวัดพระแก้ว’ ถามกลับใครพ่นหน้าบ้านตัวเองยอมไหม 

เมื่อเวลา 13.50 น.วันที่ 30 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 3/2566 ถึงเหตุการณ์พ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว เพื่อแสดงออกถึงการยกเลิกมาตรา 112 ว่า

“ผมได้ย้ำและสั่งการไปแล้วกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ทั้งนั้นนั่นแหละ แล้วมนุษย์บางคนก็ขาดสติ เข้าใจกันหรือยัง และบางอย่างก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเฝ้าทั้งหมด แต่คนเรามันต้องมีสำนึก ไม่เช่นนั้นตำรวจเขาก็ต้องวางเรียงรายทางทั้งหมด ถ้าประชาชนคนในชาติไม่รัก ไม่สามัคคีกัน มันทำอะไรเขาไม่ได้หรอก มันก็จะแย่ไปเรื่อยๆถ้าปล่อยปะละเลย ซึ่งทางตำรวจเองก็พยายามใช้กฎหมาย อย่างระมัดระวังที่สุด ใช้มากไปก็จะหาว่ารังแกประชาชน ใช้น้อยไปก็หาว่าไม่เด็ดขาดแล้วจะให้ทำอย่างไรละ”

“สื่อก็ต้องช่วยกัน มันควรหรือไม่ที่ไปทำอย่างนั้น ถ้าใครไปพ่นหน้าบ้านตัวเองยอมไหม ถ้าเราไม่ยอมก็ต้องไปเตือนพวกเขาเหล่านั้นสิ ไม่ใช่เสนอข่าวว่าไอ้นี่ไปทำโน้น ไอ้โน้นไปทำนี่ ไอ้นี่ขัดแย้งกันอย่างนี้ หรือไอ้นี่ไปขัดแย้งกับทางนั้น มันก็อยู่กันอย่างนี้ ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก แก้กันให้ตาย กี่นายกฯก็ทำกันไม่ได้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด”

ผบ.ทบ. ชี้ ถ้าคนดี-คนปกติ คงไม่ทำ

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงเหตุการณ์พ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว เพื่อแสดงออกถึงการยกเลิกมาตรา 112 ว่า ใครทำผิดก็ว่าไปตามกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะกฎหมายใดก็ตาม เช่น กฎหมายโบราณสถาน

เมื่อถามว่าจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ความคิดเราห้ามกันไม่ได้ แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎหมาย บ้านเมืองมีขื่อมีแป ก็เหมือนกับแต่ก่อน ที่จะถืออะไรไป เพื่อไปที่พระบรมมหาราชวังให้ได้ ก็บอกแล้ว สถานที่นั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไปทำก็ต้องสนใจความรู้สึก หรือความศรัทธา ความรักของคนไทยที่มีต่อสถานที่นั้นด้วย เป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ที่ต้องคิดว่าใครดี ใครไม่ดี ใครถูกใครผิด

เมื่อถามอีกว่าแต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการปลุกกระแส ยกเลิกมาตรา 112 พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ใครทำผิด หรือไม่ทำผิด คนส่วนใหญ่ก็ต้องคิดเอง ใครดี ใครไม่ดี เท่านั้นเอง

ศาลให้ประกันมือพ่น

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง นำตัวนายศุทธวีร์ สร้อยคำ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหามพ่นสีสเปรย์ใส่กำแพงรั้วพระบรมมหาราชวัง ว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งขูดขีด เขียน พ่นสี หรือให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่ติดกับถนนหรือในที่สาธารณะ” มาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 29 มี.ค.-9 เม.ย. เนื่องจากยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้นและผลการตรวจสอบต่างๆ

พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เวลาประมาณ 17.40 น. ขณะที่ตำรวจชุดจับกลุ่มได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้พบนายศุทธวีร์ ผู้ต้องหากำลังพ่นสีสเปรย์อยู่บริเวณกำแพงรั้วพระบรมมหาราชวังฝั่งถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร โดยมีพวกของผู้ต้องหาทำหน้าที่ถ่ายภาพเคลื่อนไหวบันทึกไว้ขณะที่ผู้ต้องหากำลังพ่นสีอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกลุ่มจึงได้ทำการเข้าจับกุมและสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้คนเดียว ส่วนคนอื่นหลบหนีไป จากนั้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทราบพร้อมนำผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินตามกฎหมายต่อไป

เหตุเกิดที่ กำแพงรั้วพระบรมมาราชวัง ฝั่งถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร  การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2535, มาตรา 32 วรรคแรก และ พ.ร.บ.พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 12, 56 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

ในชั้นจับกุมและสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา  ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง  ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้  ต่อมาผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตให้ประกันตีราคาประกัน 5 หมื่นบาทโดยกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำในลักษณะทำนองเดียวกัน เเละยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน