เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขึ้นเรือหลวงถลาง เพื่อพิธีตรวจพลสวนสนามทางเรือนานาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งอาเซียน นายกรัฐมนตรีมองและชี้ไปที่อาคารสูงของ “โครงการวอเตอร์ฟรอนด์ สวีท แอนด์ เรสซิเดนซ์” พัทยา ซึ่งก่อนนี้มีการคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่ เพราะบดบังทัศนียภาพของเมืองพัทยา โดยนายกรัฐมนตรีสอบถามว่า “ตึกทำไมยังคาอยู่แบบนี้ กำลังสร้างหรือเป็นตึกเก่า” ซึ่ง พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี นายกเมืองพัทยา อธิบายว่า ตึกดังกล่าวเป็นตึกเก่าสร้างไม่เสร็จ แล้วมีปัญหาขณะอยู่ระหว่างขั้นตอนทางกฎหมาย

สำหรับโครงการวอเตอร์ฟรอนด์ สวีท แอนด์ เรสซิเดนซ์ ได้ถูกเมืองพัทยาออกคำสั่งระงับการก่อสร้างโครงการ เนื่องจากมีปัญหาด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมและผังเมืองเป็นเวลานาน กระทั่งในช่วงปลายปี 2559 ที่คณะผู้บริหารโครงการได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จะมีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง โดยเฉพาะประเด็นสำคัญคือ พื้นที่ใช้สอยที่มีขนาดเกินกว่าที่ทำการขออนุญาตไว้ ซึ่งทางโครงการฯ ก็จะตัดลดพื้นที่เพื่อให้ตรงต่อการขออนุญาตเดิม รวมทั้งในส่วนที่จอดรถ ที่จะต้องรองรับปริมาณยานพาหนะให้ได้ตามกฎหมาย

โดยคณะผู้บริหารโครงการได้แก้ไขด้วยการตัดพื้นที่ของอาคาร จำนวน 8 ชั้น ซึ่งถือเป็นส่วนที่แพงที่สุดออก แม้จะทำให้โครงการต้องสูญเสียรายได้มหาศาลก็ตาม และจะมีการนำระบบจอดรถแบบไฮดรอลิกมาใช้ในชั้นใต้ดินที่ 2 และ 3 ซึ่งเป็นระบบมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในโครงการที่อยู่อาศัยระดับหรูมากมาย จึงจะสามารถรองรับรถยนต์ได้ 150 คัน ส่วนการตัดพื้นที่จาก 53 ชั้น เหลือ 45 ชั้น โครงการจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการตัด และลำเลียงวัสดุที่รื้อถอนลงสู่พื้นล่างตามที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย โดยจะระมัดระวังไม่ให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จนนำมาซึ่งการยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอฟื้นฟูกิจการดังกล่าว