เผยแพร่ |
---|
แม้ว่าบทบาทของ “ทหาร” ในการเข้าไป “จัดการ” กับแกนนำเกษต รกรชาวสวนยางจะประสบความสำเร็จ
ไม่ว่าที่ตรัง ไม่ว่าที่พัทลุง ไม่ว่าที่ชุมพร
แต่หากว่าสถานการณ์นี้ไม่สงบ ยังคงมีที่กระบี่ สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตามมา
ก็ไม่แน่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นหรือไม่
เพราะว่าสถานการณ์ที่ตรัง พัทลุง ก็เริ่มมี “อดีต ส.ส.”เจ้าของพื้นที่ออกมาตั้งข้อสังเกต
แสดงความไม่เห็นด้วยว่า มิได้เป็น”วิธีการ”ที่ถูกต้อง
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ มีแนวโน้มว่าสถานการณ์นี่จะกลายเป็นประเด็นในทาง”การเมือง”มากยิ่งขึ้น
ถามว่าใครทำให้เกิดประเด็น”การเมือง”
ความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากที่คสช.และรัฐบาลจำเป็นต้องคำนึงถึงอย่างเป็นพิเศษ
1 จะนำไปสู่การเปรียบเทียบ
เท่ากับสะท้อนให้เห็นว่า กระบวนการ”ปรับทัศนคติ”ที่เคยใช้ในกทม. ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มขยายไปยังภาคใต้
ทั้งๆที่กระบวนการ”ปรับทัศนคติ” คือ กระบวนการในทาง”การเมือง”
ขณะเดียวกัน 1 พื้นที่ภาคใต้มากด้วยความละเอียดอ่อน
ละเอียดอ่อนเพราะแรกที่มี”ปฏิกิริยา”จากชาวสวนยางเคยมีคำสำทับดังออกมามิให้เคลื่อนไหว
เพราะ”เป็นรัฐบาลของเรา”
จากคำยืนยันที่ว่า รัฐบาลคสช.คือ “รัฐบาลของเรา”สำหรับชาวภาคใต้จึงเท่ากับเป็นเครื่องร้อยรัด
ร้อยรัดมิให้ “ภาคใต้” เคลื่อนไหวอะไร
ร้อยรัดมิให้ “คสช.” และ “รัฐบาล” ทำอะไรที่ก่อความเดือดร้อนให้กับ “ภาคใต้”
กรณีราคา”ยางพารา”จึงกลายเป็น”เครื่องทดสอบ”
เพราะในความเป็นจริง ราคายางพาราเสื่อมทรุดตกต่ำมาโดยตลอดตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กระ ทั่งมาถึงเดือนพฤศจิกายน 2560
สร้างความเดือดร้อนให้”เกษตรกร”อย่างต่อเนื่อง