ประยุทธ์หนุน “อาเซียน-สหรัฐ”

แก้ “เกาหลีเหนือ-ทะเลจีนใต้-ก่อการร้าย”

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติฟิลิปปินส์ (PICC) กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ในโอกาสครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐ โดย พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความยินดีและกล่าวต้อนรับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้มาเข้าร่วมการประชุม แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความสำคัญที่สหรัฐให้กับอาเซียนและภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนในภูมิภาค อย่างวิกฤตการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ตนเห็นพ้องกับประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขวิกฤตการณ์นี้อย่างจริงจังโดยร่วมผลักดันเกาหลีเหนือให้ยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธโดยเร็ว เพื่อนำไปสู่คาบสมุทรเกาหลีที่มีสันติภาพ เสถียรภาพ และปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ โดยยึดแนวทางสันติวิธี สำหรับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้นั้นในช่วงที่อาเซียนและจีนเจรจาซีโอซียังไม่แล้วเสร็จ ทั้ง 2 ฝ่ายควรพัฒนาโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายในทะเลจีนใต้ เช่น โครงการปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเล เพื่อสร้างความไว้ใจในพื้นที่ทะเลนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้ทะเลจีนใต้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ และการพัฒนาที่ยั่งยืน นอกจากนี้ ปัญหาผู้พลัดถิ่นและการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขร่วมกันด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมเป็นหลัก ทั้งนี้ อาเซียนพร้อมเป็นพันธมิตรกับสหรัฐในการรับมือกับความท้าทายอื่นๆ เช่น แนวคิดสุดโต่ง การก่อการร้าย ความมั่นคงทางไซเบอร์ จึงหวังว่าสหรัฐจะสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือด้านข้อมูล เพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาค

ยูเนสโกยกย่อง “กำพล วัชรพล”

บุคคลสำคัญของโลกด้าน “ศึกษา-สื่อ”

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสมัยสามัญขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ครั้งที่ 39 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีมติประกาศยกย่องบุคคลสำคัญ และเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ในปี 2561-2562 จำนวน 48 รายการ และเป็นที่น่ายินดีว่าในส่วนของไทย ยูเนสโกได้ประกาศยกย่อง นายกำพล วัชรพล เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษาและสื่อสารมวลชน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 100 ปีชาตกาล ในวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ทั้งนี้ นายกำพลได้ทำสิ่งที่ถือเป็นคุณูปการให้กับวงการศึกษาและสื่อสารมวลชน นอกจากนี้ นายกำพลยังเป็นนักสื่อสารมวลชนที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการศึกษา โดยใช้สื่อเป็นตัวกลางในการส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลและการศึกษา ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนไทยรัฐวิทยาแห่งแรกขึ้นที่ จ.ลพบุรี เมื่อปี 2512 แล้วยกให้ ศธ. โดยมีมูลนิธิไทยรัฐเป็นผู้อุปถัมภ์

จี้ “บิ๊กตู่” ออกมาตรการคุมเข้ม

พบ 89% ขาย “ลอตเตอรี่” เกินราคา

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เครือข่ายปฏิรูปสลากกินแบ่งรัฐบาล นำโดย นายราเมศร ศรีทับทิม ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้รัฐบาลออกมาตรการที่เด็ดขาดในการแก้ปัญหาสลากราคาแพง

นายราเมศรกล่าวว่า เครือข่ายฯ ได้ลงสำรวจการขายสลากในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 4-12 พฤศจิกายน 2560 อาทิ สี่แยกคอกวัว ตลาดนัดสวนจตุจักร บางนา ปิ่นเกล้า จ.นนทบุรี และปากเกร็ด พบมีผู้ขายล็อตเตอรี่ 328 ราย ทั้งขายเร่และแผงประจำ และพบว่ามีการขายเกินราคา 295 ราย คิดเป็นร้อยละ 89.9 และล็อตเตอรี่ใบเดี่ยวราคาแพงสุดที่ 130 บาท ส่วนรวมชุด 15 ใบ ราคาแพงสุด 2,500 บาท จึงขอเสนอแนวทางแก้ไขให้รัฐบาลนำไปพิจารณา 4 ทาง คือ 1.ให้กำลังใจรัฐบาลในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาที่เรื้อรังมานาน 2.ให้พิจารณามาตรการขั้นสูงสุดแก้ไขปัญหาให้เบ็ดเสร็จในช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาลนี้ ปิดทางพ่อค้าคนกลางและระบบที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มที่เป็นกลุ่มเสือนอนกิน 3.เรียกร้องให้ใช้กลไกของภาครัฐในการรณรงค์ให้ประชาชนรักษาสิทธิผู้บริโภค ไม่สนับสนุนสลากเกินราคาทุกรูปแบบ และ 4.ขอให้กำหนดบทลงโทษกับกลุ่มพ่อค้าคนกลางและผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้สลากแพงทั้งระบบ

“ณัฐวุฒิ” ขอเข้าพบ ปธ.ป.ป.ช.

ถามคืบหน้าคดีสลายชุมนุม “นปช.”

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ว่า ตามที่ได้ติดตามความคืบหน้าคดีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 พบว่าตอนนี้มีแต่ความเงียบจาก ป.ป.ช. ทั้งๆ ที่มีความพยายามและการดำเนินการจากหลายฝ่าย เช่น แกนนำ นปช. ไปยื่นหนังสือเรียกร้องให้ ป.ป.ช. หยิบยกคดีที่ยกคำร้องไปแล้วขึ้นพิจารณาอีกครั้งตามช่องทางของกฎหมาย ญาติผู้เสียชีวิตร้องขอต่ออัยการสูงสุดให้ส่งคำวินิจฉัยศาลฎีกาถึง ป.ป.ช. เพราะถือเป็นหลักฐานใหม่ จนกระทั่งอัยการสูงสุดส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. กว่า 1 เดือนแล้ว แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่มีแม้แต่คำอธิบายใดๆ ถึงขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนตรงกัน จึงถึงเวลาที่จะต้องเดินหน้าเต็มตัวในเรื่องนี้อีกครั้ง

จึงจะได้มอบหมายตัวแทนไปยื่นหนังสือขอเข้าพบประธาน ป.ป.ช. หรือกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ได้รับมอบหมายเพื่อสอบถามความคืบหน้าของเรื่องนี้ และหารือแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้ความยุติธรรมปรากฏต่อประชาชนอย่างสิ้นสงสัย