ใกล้ไปอีกขั้น! พบกับหุ่นยนต์สุดล้ำ ที่กระโดดกลับหลัง หรือตีลังกาลงพื้นได้แบบเกือบสวย (คลิป)

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ยิ่งวิทยาการปัญญาประดิษฐ์และวิศวกรรม บวกกับจินตนาการถึงหุ่นยนต์ก้าวหน้าไปมากเท่าไหร่ เรายิ่งเขยิบใกล้ความจริงเข้าไปอีก ทำให้เราเห็นหุ่นยนต์เจ๋งๆออกมาให้ได้ชม ก่อนหน้านี้ เราคิดว่า อาซิโมของฮอนด้าในตอนนั้นว่าทำให้เราตื่นเต้นได้แล้ว วิดีโอที่ให้คลิกเข้าชมนี้ อาจทำให้คุณถึงกับร้องด้วยความตะลึงก็เป็นได้

พบกับ “แอตลาส จอมมหึมา” ซึ่งตั้งชื่อตามยักษ์ไททันในตำนานกรีกผู้แบกโลกและผืนฟ้า คือหุ่นยนต์กึ่งมนุษย์รุ่นล่าสุด ที่บริษัทบอสตัน ไดนามิก บริษัทผู้พัฒนาหุ่นยนต์ในมลรัฐแมสซาชูเสทท์ของสหรัฐฯ ได้เผยโฉมให้เห็นว่ากำลังพัฒนา และได้เผยแพร่คลิปโชว์ศักยภาพของมันลงในยูทูปไปเมื่อวานนี้

ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทบอสตัน ไดนามิก ได้พัฒนาเจ้า “สปอต” หรือหุ่นสุนัขสี่ขา ที่เคยมีรุ่นก่อนหน้า ที่ถูกพัฒนาโดยนักศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีแห่งมลรัฐแมสซาซูเสทท์หรือเอ็มไออี ต่อมาบอสตัน ไดนามิกได้นำพัฒนาต่อจนสามารถทรงตัวได้อย่างมั่นคง ที่ไม่ว่าพื้นผิวที่เดินจะลาดชัน ขรุขระหรือเจอคนใช้เท้าถีบใส่ ก็ยังทรงตัวได้โดยไม่ล้มลง

“แอตลาส” หุ่นยนต์สองขา ที่ถูกพัฒนานี้ ทีมทดสอบได้พัฒนาศักยภาพในด้านความยืดหยุ่นคล่องตัวให้กับมัน จนทำให้มันสามารถกระโดดไต่ระดับสูงขึ้นโดยไม่ล้ม อีกทั้งยังสามารถกระโดดกลับหลังกลางอากาศแล้วลงพื้นที่แบบหล่อๆ หรือแม้กระทั่งตีลังกาม้วนหลัง แลนด์ดิ้งราวกับนักกีฬายิมนาสติก แม้ว่าตอนท้ายคลิปที่ตีลังกากลับหลังครั้งที่ 2 จะไถลหน้าคะมำก็ตาม แต่มันถือว่าเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาให้หุ่นยนต์มีความยืดหยุ่นคล่องตัวมากขึ้น

ส่วนลักษณะที่มีอยู่ในตัว “แอตลาส” นั้น ประกอบด้วยโปรแกรมควบคุมที่ประสานท่วงท่าของแขน ลำตัวและขา ที่สามารถสั่งการควบคุมทั้งร่างกายได้จากระยะไกล สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งจำนวนมากได้ขณะที่ 2 เท้ายังคงยืนหยัดหนักแน่น อีกทั้งตัวแอตลาสนี้ ใช้ชิ้นส่วนจากการพิมพ์ 3 มิติที่ก้าวหน้าประกอบร่างซึ่งประหยัดเรื่องน้ำหนักและพื้นที่ ส่งผลทำให้กลายเป็นหุ่นยนต์ขนาดกระทัดรัดที่มีสัดส่วนความแข็งแกร่งต่อน้ำหนักในระดับสูงและสามารถทำงานในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้

รวมถึงติดตั้งระบบเซ็นเซอร์และสเตอริโอ วิชั่น ที่ทำให้เจ้าแอตลาส สามารถจัดการกับวัตถุสิ่งของในสภาพแวดล้อมรอบตัว หรือเดินทางบนพื้นที่ทุรกันดาร โดยยังคงรักษาความสมดุลไว้ได้ แม้กระทั่งสามารถกระแทก ผลัก หรือลุกขึ้นเองได้ ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานนานมากอีกด้วย

เห็นแบบนี้แล้ว คงมั่นใจได้ว่า หุ่นยนต์ในวันข้างหน้าอาจจะกระโดดเข้ามาในชีวิตมนุษย์เราในอีกไม่ช้า และอาจโลดโผนโจนทะยานไปไกลกว่าศักยภาพของมนุษย์ก็เป็นได้

 ที่มา :

www.bostondynamics.com

Wired