อดีต สมช.ชี้ต้องหมดยุคนายกฯสืบทอดอำนาจ สันติสุขชายแดนจึงบังเกิด เหตุผู้นำเป็นปรปักษ์กับขบวนการผู้เห็นต่าง

5 มี.ค.66 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)กล่าวว่ากระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.)ระหว่างรัฐไทยกับขบวนการผู้เห็นต่างเวียนมาครบ10ปี ล่าสุดทางมาเลเซียได้มอบหมายให้พลเอกตันศรี ซุลกิฟลี มาเป็นผู้อำนวยความสะดวกของกระบวนการพูดคุยฯและเมื่อ2มี.ค.ท่านได้เดินทางไปพบปะตัวแทนไทยพุทธชายแดนใต้ รับฟังข้อเสนอแนะการยุติความรุนแรงในพื้นที่ พอ3มี.ค.ก็มีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ของคณะรองแม่ทัพภาค4ที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส มีกำลังพลเสียชีวิต 2นาย

อีกทั้งสิ้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมาก็ปรากฎข่าวการโอนย้ายเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)เข้าทำเนียบ เหตุดังกล่าวข้างต้นจึงเกิดเสียงอื้ออึงในพื้นที่ว่าการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จชต.ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลสืบทอดอำนาจได้อวดอ้างมาตลอดว่ามาถูกทางแล้ว แต่ความจริงแล้วมิน่าเป็นเช่นนั้น

ตัวชี้วัดคือตราบใดที่ในพื้นที่จชต.ยังคงประกาศใช้กฎหมายพิเศษไม่ว่าจะเป็นพรบ.ความมั่นคงฯ พรก.ฉุกเฉินฯ และกฎอัยการศึก รวมทั้งการบริหารจัดการพื้นที่ยังคงต้องเป็นรูปแบบพิเศษมีศอ.บต.มาอย่างยาวนานนับ10ปี นั่นแสดงว่าการแก้ไขปัญหาเสมือนการว่ายน้ำที่หาฝั่งไม่เจอ แต่เชื่อว่าทันทีที่นายกฯสืบทอดอำนาจผู้เป็นเหตุปัจจัยของปรปักษ์กับขบวนการผู้เห็นต่างต้องตกเก้าอี้ไปเพราะพรรคการเมืองปีกประชาธิปไตยจะได้ชัยชนะการเลือกตั้งส.ส.ครั้งใหม่อย่างแลนด์สไลด์เข้ามาเป็นรัฐบาลแทน แสงสว่างของสันติภาพที่จชต.จะเกิดขึ้นเพราะกฏหมายพิเศษจะจางหายโดยการใช้นโยบายการจัดระเบียบความมั่นคงชายแดนใหม่เข้ามาแทนที่ สร้างสภาวะแวดล้อมส่งเสริมกระบวนการพูดคุยสันติภาพฯสู่รูปธรรม คลี่คลายบรรยากาศในพื้นที่ชายแดนให้เกิดความสงบพร้อมกับการสนับสนุนและส่งเสริมการค้าชายแดนอย่างเป็นระบบ ความคึกคักของความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านก็จะตามมา