ศาลสูงกัมพูชาตัดสินยุบพรรคฝ่ายค้าน 118 สมาชิก ถูกตัดสิทธิ์ 5 ปี

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ศาลสูงของกัมพูชาได้ตัดสินให้ยุบพรรคกอบกู้ชาติกัมพูชา หรือซีเอ็นอาร์พี ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ โดยการตัดสินดังกล่าวเป็นไปตามที่ทนายของพรรครัฐบาลได้ยื่นฟ้องให้ขอศาลมีคำสั่งยุบพรรคซีเอ็นอาร์พี ในข้อหาสมคบกับต่างชาติและวางแผนโค่นล่มรัฐบาล หลังจากที่ได้จับกุมตัวนายเขม โสกา หัวหน้าพรรคซีเอ็นอาร์พีไปตั้งแต่วันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา

การตัดสินครั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านไม่ได้ส่งทนายเข้าร่วมรับฟัง พร้อมปฏิเสธข้อหาดังกล่าว เพราะเชื่อว่าข้อหาดังกล่าวมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ส่วนบรรยากาศภายนอกศาลสูง มีการวางแผงกั้นรอบพื้นที่พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัยของศาลหลายนาย แต่ไม่มีรายงานว่ามีการรวมตัวประท้วงแต่อย่างใด

อีกทั้งศาลสูงตัดสินให้มีคำสั่งตัดสิทธิ์ทางการเมืองกับสมาชิกพรรคซีเอ็นอาร์พีจำนวน 118 คน เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งถือว่าส่งผลต่อการเลือกตั้งทั่วไปที่มีจะมีขึ้นในปีหน้า เพราะทำให้พรรครัฐบาลของสมเด็จ ฮุน เซน ไร้คู่แข่งที่น่ากลัวอย่างพรรคซีเอ็นอาร์พี

ด้านสมเด็จฮุน เซน ได้ออกโทรทัศน์กล่าวกับชาวกัมพูชาว่า การเลือกตั้งยังคงมีขึ้นตามปกติ พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกพรรคซีเอ็นอาร์พีที่ไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ย้ายข้างมาอยู่กับพรรครัฐบาล

ขณะที่ เขม โมโนวิทยา บุตรสาวของนายเขม โสกา กล่าวว่า มันแสดงให้เห็นว่าฮุน เซนจะไม่ยอมหยุดหากไม่มีใครขวางเขาได้ และคำตัดสินนี้ก็เป็นอย่างที่คาดไว้ มันถึงเวลาของการคว่่ำบาตรจากประชาคมระหว่างประเทศได้แล้ว

แม้ว่าต่างชาติจะมีท่าทีเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาปล่อยตัวนายเขม แต่พวกเขาไม่ต้องการที่จะใช้มาตราการคว่ำบาตรกับรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งตอนนี้มีความใกล้ชิดกับจีนอย่างมาก รวมถึงหน่วยงานประจำกัมพูชาของสหรัฐฯและสหภาพยุโรป ไม่ได้ออกมาให้ความเห็นต่อคำตัดสินดังกล่าว

นอกจากนี้ กลุ่มองค์กรสิทธิมนุษยชนได้ออกมาประณามคำตัดสินดังกล่าว โดยกล่าวว่า หัวหน้าผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีนี้ เป็นสมาชิกกรรมการบริหารพรรครัฐบาลกัมพูชา พร้อมกับกล่าวด้วยว่า เท่ากับทิ้งให้กัมพูชากลายเป็นรัฐพรรคเดียวและทำให้การเลือกตั้งในปีหน้าไม่มีความหมาย

ส่วนนายคิงสลี่ย์ แอ็บบ็อต ที่ปรึกษาอาวุโสด้านกฎหมายของคณะกรรมการนิติศาสตร์สากล ออกมากล่าวว่า การใช้ศาลตัดสินยุบพรรคซีเอ็นอาร์พีอย่างไม่ถูกต้องนี้ เป็นหนึ่งในภัยคุกคามอันเลวร้ายที่สุดต่อสิทธิมนุษยชนและระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนสมัยใหม่ของกัมพูชา

ทั้งนี้ สมาชิกพรรคฝ่ายค้านกว่าครึ่ง ได้เดินทางออกจากกัมพูชา ด้วยความหวาดกลัวต่อการถูกคุมขังในห้วงการปราบปรามผู้เห็นต่างของฮุน เซน