ฮิวแมนไรท์ วอชช์ กล่าวหาทัพพม่า กระทำชำเราสตรีช่วงวิกฤตโรฮิงญาในรัฐยะไข่

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า กลุ่มฮิวแมนไรท์ วอชช์ องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศได้กล่าวหากองทัพพม่าที่ได้กระทำชำเราต่อสตรีและเด็กหญิงเป็นวงกว้างในช่วงปฏิบัติการปราบกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญาจนทำให้ชาวมุสลิมโรฮิงญาอพยพหนีการกวาดล้างในรัฐยะไข่ไปกว่า 6 แสนคน โดยข้อกล่าวหานี้ เกิดขึ้นหลังจาก นางพลามิล่า แพทเทน ทูตพิเศษด้านความรุนแรงทางเพศจากความขัดแย้งขององค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น ได้ออกมารายงานเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า ความรุนแรงทางเพศได้เกิดขึ้นตามคำสั่ง การบงการและกระทำโดยกองทัพพม่า ซึ่งต่อมา กองทัพพม่าได้เผยแพร่รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปฏิเสธข้อหาว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้ข่มขืนกระทำชำเราและฆ่า หลังจากเปลี่ยนตัวนายพลที่บัญชาการปฏิบัติการ ซึ่งทำให้ชาวโรฮิงญากว่า 6 แสน ลี้ภัยจากรัฐยะไข่ไปบังคลาเทศ

ฮิวแมนไรท์ วอชช์ ระบุว่า จากการพูดคุยกับสตรีและเด็กหญิงชาวโรฮิงญาจำนวน 52 คน ที่หนีมายังบังคลาเทศ มี 29 คนจากทั้งหมด ที่กล่าวว่าถูกกระทำชำเรา โดยทั้งหมดยกเว้นรายเดียวที่ถูกรุมข่มขืน

ด้านสไกส์ วิลเลอร์ นักวิจัยเหตุฉุกเฉินด้านสิทธิสตรีของฮิวแมนไรท์ วอชช์ กล่าวว่า การข่มขืนถูกทำให้แจ่มชัดและฉายภาพการทำลายล้างของปฏิบัติทางการทหารของทหารพม่าต่อการฆ่าล้างชาติพันธุ์ต่อชาวโรฮิงญา การใช้ความรุนแรงอันป่าเถื่อนของทหารพม่าได้ทำร้ายและสร้างความเจ็บปวดอย่างโหดร้ายต่อสตรีและเด็กหญิงนับไม่ถ้วน

ส่วนสาวชาวโรฮิงญาวัย 15 ปี จากหมู่บ้านฮาทิ พาราในเมืองมงดอว์ กล่าวกับฮิวแมนไรท์ วอชช์ว่า ทหารได้กระชากเสื้อเธอจนเปลือยเปล่า จากนั้นชายราว 10 คนลงมือข่มขืนเธอ ต่อมาเมื่อ น้องชายและพี่สาวของตนมาถึง ตนได้นอนสลบอยู่ตรงพื้นที่ จนพวกเขาคิดว่าตนตายแล้ว

ทั้งนี้ ฮิวแมนไรท์ วอชช์ ได้เรียกร้องให้ คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นประกาศห้ามทำการค้าอาวุธกับพม่าและทำการคว่ำบาตรผู้นำทหารที่รับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงการก่อความรุนแรงทางเพศ ซึ่งก่อนหน้านี้ ชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงได้เรียกร้องรัฐบาลพม่า สร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่ใช้กำลังทหารเกินขอบเขตในรัฐยะไข่ พร้อมขอให้นายอันโตนิโอ กูเตเรส เลขาธิการยูเอ็นรายงานสถานการณ์กลับมาภายใน 30 วัน แต่พม่าได้กล่าวชี้แจงว่า ปฏิบัติการทางทหารถูกใช้อย่างจำเป็นบนเหตุผลของความมั่นคงของชาติ หลังจากกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงญาเข้าโจมตีเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา