พิธา นำทีม ส.ส.ว่าที่ผู้สมัครเชียงใหม่ ร่วม “ยืนหยุดขัง” ประตูท่าแพ เรียกร้องสังคมไทยเดินหน้าสร้างฉันทามติใหม่

“พิธา” พร้อม ส.ส.-ว่าที่ผู้สมัครเชียงใหม่ ร่วม “ยืนหยุดขัง” ประตูท่าแพ เรียกร้องสังคมไทยเดินหน้าสร้างฉันทามติใหม่ หยุดกดปราบผู้เห็นต่างทั้งทางกายภาพและทางกฎหมาย

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 ก่อนการเปิดเวทีปราศรัยของพรรคก้าวไกล ที่ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนำ และ ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ร่วมกิจกรรม “ยืนหยุดขัง” ที่เครือข่ายนักเคลื่อนไหวในจังหวัดเชียงใหม่จัดขึ้นที่ประตูท่าแพ เพื่อร่วมแสดงออกต่อกรณี “ตะวัน-แบม” ที่อดอาหารและน้ำประท้วงความอยุติธรรม และปัญหาที่เกิดขึ้นจากกฎหมายอาญามาตรา 112 ก่อนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในกรณีที่มีการแถลงข่าวจากทีมทนายและพ่อแม่ของทั้งสองในวันนี้ ถึงเจตนารมณ์ที่ทั้งสองคนจะเดินหน้าอดอาหารต่อไป

พิธากล่าวว่า วันนี้ระหว่างที่ตนได้มาร่วมเดินสายเปิดตัวผู้สมัครในจังหวัดภาคเหนือตอนบนของพรรคก้าวไกล ก็ได้ติดตามสถานการณ์ของทั้งตะวันและแบมผ่านการแถลงข่าว ได้ทราบว่าทั้งสองยังคงยืนยันอดอาหารและน้ำต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

ตนเองทั้งในฐานะนายประกันของตะวัน และในฐานะประชาชนคนหนึ่ง จึงอยากใช้โอกาสนี้ที่ได้เดินทางมาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมในกิจกรรม “ยืนหยุดขัง” ที่ภาคประชาชนเชียงใหม่จัดขึ้นที่ประตูท่าแพเป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อแสดงความสมานฉันท์ต่อข้อเรียกร้องของทั้งสองคน ให้มีการคืนความยุติธรรมและสิทธิเสรีภาพแก่สังคมไทย เพื่อร่วมส่งเสียงกับประชาชนที่เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยขณะนี้มีปัญหามากมายขนาดไหน

พิธากล่าวต่อไปว่า จากที่ได้ทราบมา ในวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการยื่นประกันตัวผู้ต้องขังในคดีการเมืองอีกครั้ง ซึ่งตนจะร่วมจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหวังว่าอย่างน้อยที่สุด ข้อเรียกร้องให้มีการคืนความยุติธรรมจะได้รับการตอบรับ

“ที่ผ่านมาผู้มีความคิดต่างที่ออกมาเรียกร้องแสดงออกทั้งบนท้องถนนและแสดงออกทางความคิด ถูกกดปราบทั้งในทางกายภาพ ถูกตีถูกยิงแก๊สน้ำตาใส่ แล้วยังถูกนวัตกรรมทางกฎหมาย คือนิติสงครามเข้าดำเนินคดี จับผู้คิดต่างไปกักขัง จนในที่สุดมีคนสองคนตัดสินใจเสียสละ ถึงขนาดกำลังจะต้องเอาชีวิตเข้าแลก ผมขอเรียกร้องว่าถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะต้องหาฉันทามติใหม่ ให้ความคิดที่แตกต่างต้องอยู่ร่วมกันได้ และต้องไม่ถูกกดปราบเพียงเพราะความแตกต่างกันอีกแล้ว” พิธากล่าว