“ส.ส.ชวน ”พปชร. ยืนยันนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งไม่ใช่แค่วาทกรรม

“ส.ส.ชวน ”พปชร. ยืนยันนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งไม่ใช่แค่วาทกรรม มุ่งสานสันติสุขเพื่อความสุขประชาชน

นายชวน ชูจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงสโลแกนก้าวข้ามความขัดแย้งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค พปชร. ว่า ไม่ใช่วาทกรรมที่ยกขึ้นมาเพื่อหาเสียง แต่อยากให้มองลงลึกไปว่าก่อนที่จะมีการปฏิวัติปี 2557 ประเทศไทยมีการขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนักถึงขั้นจะแบ่งประเทศ โดยเฉพาะการเลือกตั้งในปี 2562 หลายคนคิดตรงกันว่า ถ้ายังมีการขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองแบบเดิมอยู่อีก ประเทศไทยคงพัฒนาไม่ได้ ตนเองและเพื่อนอีกหลายคน จึงได้จัดตั้งพรรค พปชร.ขึ้นมา ชื่อมีความหมายคือทั้งประชาชนและภาครัฐ ต้องร่วมกันให้เป็นพลังเพื่อพัฒนาประเทศ

นายชวน กล่าวว่า ในเวลา 4 ปีที่บริหารในนามพรรคการเมือง ยังไม่ได้เกิดแนวทางที่จะร่วมกันพัฒนาประเทศอย่างที่คิดไว้ ทั้งในส่วนของสถาบันการเมือง หรือในภาคประชาชน และหลายคนก็เห็นปัญหาเหมือนกัน จึงต้องหยิบยกประเด็นเรื่องการก้าวพ้นความขัดแย้งขึ้นมาให้ช่วยกันตัดสินใจหรือพิจารณาอีกครั้ง และพยายามจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้น โดยเริ่มต้นจากการเป็นสถาบันการเมืองก่อน หากผู้ที่รับอาสาเข้ามาทำงานการเมืองยังไม่เข้มแข็ง ไม่สามารถรวมพลังกันเพื่อเป้าหมายในการนำพาประเทศให้พัฒนาได้แล้ว เรื่องอื่นคงไม่ต้องหวัง ซึ่งพล.อ.ประวิตร เข้าใจดี จึงได้นำเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้งขึ้นมาให้ช่วยกันตัดสินใจ เลือกสมาชิกสภาผู้แทนในปีนี้
อย่างไรก็ตามการขจัด ทุกปัญหาพัฒนาทุกพื้นที่ ข้อความนี้แยกได้เป็น 2 เรื่องคือ 1 ขจัดทุกปัญหาหมายถึงว่าเมื่อเป็นผู้แทนแล้วปัญหาของชาวบ้านไม่ว่าเรื่องอะไรอยู่ในพื้นที่ไหนก็ต้องรับเข้ามาช่วยแนะนำแก้ไขได้หรือไม่ได้อย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งสร้างความเข้าใจกันให้ได้ไม่หนีปัญหานั่นเองข้อความนี้เข้าใจไม่ยาก ส่วนพัฒนาทุกพื้นที่เราคงจำความกันได้ในอดีตที่ผ่านมานักการเมืองบางท่านได้พูดขึ้นว่าพื้นที่ใดที่ไม่ได้เลือกคนของพรรคเราเป็นผู้แทน การพัฒนาพื้นที่นั้นจะต้องเอาไว้ทีหลัง จะต้องไปพัฒนาในพื้นที่ที่เรามีผู้แทนก่อน ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกันพอสมควร ความจริงหลักคิดอย่างนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อเป็นผู้แทนแล้ว จะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม จะต้องพัฒนาในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งประเทศจะมีผู้แทนของพรรคเดียวอยู่เป็นฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดไม่มีฝ่ายตรวจสอบหรือฝ่ายค้าน

ทั้งนี้จึงนำ ข้อความนี้มาบอกกล่าวให้ประชาชนได้ทราบว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ได้มีความคิดอย่างนี้เมื่อได้เป็นรัฐบาลต้องดูแลทุกพื้นที่ แก้ไขปัญหาพัฒนาให้ทั่วประเทศให้ได้ตามลำดับความจำเป็นก่อนหลัง ยิ่งเป็นพื้นที่ที่มีความลำบาก ประชาชนเดือดร้อนมากจะต้องไปแก้ปัญหาก่อน งานหลักของเราซึ่งต้องเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ก็คือการแก้ปัญหาความยากจน เรารู้ว่าใครคือคนจนและจนเพราะอะไร จะต้องเริ่มต้นอย่างไร จะต้องสั่งหรือชักชวนให้ใครหน่วยงานไหนมาช่วยกันแก้ปัญหานี้บ้าง เราศึกษามาพอสมควรแล้วว่าประเทศต่างๆเขาแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนของเขาอย่างไรประเทศจีน เป็นตัวอย่างที่น่าคิดเขามีคน 1,400 ล้านทำได้ไม่กี่ปีของเราประมาณ 60 ล้านเท่านั้น หรือแม้แต่ทฤษฎีการพัฒนาประเทศในแนวเศรษฐกิจพอเพียง เราก็ ถอดบทเรียนมาหมดแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ยังไม่ได้มีชุดคาราวาน แก้ปัญหาความยากจนอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นนับแต่วันนี้และอีก 4 ปีถ้าได้เป็นรัฐบาล จะต้องแก้ปัญหาหรือเห็นแนวทางที่ถูกต้อง เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น ลงมือทำคือคำตอบ ด้วยความขอบคุณครับ