วิโรจน์ ขยี้!กรณีรีดไถเงินดาราไต้หวัน ต้องเร่งปฏิรูปตำรวจ! ก่อนประชาชนแยกไม่ออก ว่าไหนตำรวจ ไหนโจร

30 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล โพสต์แสดงความเห็น[กรณีรีดไถเงินดาราชาวไต้หวัน ต้องเร่งปฏิรูปตำรวจ ก่อนประชาชนแยกไม่ออก ว่าไหนตำรวจ ไหนโจร]

จากกรณีดาราชาวไต้หวัน ชาลีน อัน หรือ อันหยูชิง ได้ออกมาเปิดโปงว่า ถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน 27,000 บาท [1] ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา (4 ม.ค. 66) แทนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมุ่งตรวจสอบไปที่ประเด็นสำคัญว่า “มีการรีดไถเงินจริงหรือไม่” กลับบ่ายเบี่ยง ด้วยประเด็นว่า ดาราชาวไต้หวันพกบุหรี่ไฟฟ้าบ้าง มีอาการมึนเมาบ้าง คือ ต่อให้ดาราชาวไต้หวันมีบุหรี่ไฟฟ้าจริง เมาจริง ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ประเด็นที่สังคมต้องการคำตอบ ก็คือ “ตำรวจรีดไถเงินจริงหรือไม่”

ที่ผ่านมา ตำรวจปฏิเสธเสียงแข็งมาโดยตลอดว่า โดยในวันที่ 26 ม.ค. 66 พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. ได้เรียกตำรวจ สน.ห้วยขวางมาสอบถาม และยืนยันด้วยเกียรติว่า ไม่มีการเรียกรับเงิน [2] ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 66 พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็ยังยืนยันเสียงแข็งว่า ยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงิน [3]

จนกระทั่งมีกระแสข่าวว่า มีคลิปที่เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดไถดาราชาวไต้หวันจริง และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมรับสารภาพแล้ว

ในที่สุด วันนี้ (30 ม.ค. 66) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ถึงได้ออกมาแถลงในเชิงยอมรับว่ามีการตั้งด่านบริเวณหน้าสถานทูตจีนจริง สำหรับประเด็นการรีดไถ บช.น. ได้เปิดเผยว่ามีแนวทางในการสืบสวนที่สอดคล้องกับกระแสข่าวที่ออกมา เรียกได้ว่า บช.น. ออกมาเป็นการแถลงในชิงยอมรับว่า การรีดไถดาราชาวไต้หวันนั้นมีมูล [4]

ผมคิดว่าในเรื่องการรีดไถ ถ้ามี บช.น.ก็ควรจะยอมรับกันตรงๆ แล้วก็จัดการกันไป เป็นตำรวจ ไม่ควรทำตัวเป็นผู้ร้ายปากแข็ง แถไว้ก่อน พอมีหลักฐานทยอยเปิดออกมา จนแถไม่ออก ถึงค่อยออกมายอมรับ พฤติกรรมแบบนี้ยิ่งเป็นการทำลายให้เกียรติยศศักดิ์ศรีของตำรวจป่นปี้ เป็นที่ดูถูกดูแคลนของประชาชนแม้ว่าขณะนี้ ผบ.ตร. จะมีคำสั่งให้ ผบช.น. สั่งเด้ง ผกก.ห้วยขวาง ไปช่วยราชการแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่ช้าเกินไปเสียแล้ว ไม่ต่างจากโจรที่ยอมรับสารภาพ เพราะจำนนต่อหลักฐาน [5]

ผมคิดว่าปัจจุบันภาพลักษณ์ของตำรวจในสายตาประชาชนตกต่ำมาก ทั้งการพัวพันรับเงิน เป็นสมุนให้กับนายทุนจีนสีเทา ในการเปิดบ่อน เปิดการพนันออนไลน์ เปิดสถานบันเทิงผิดกฎหมาย ทำวีซ่าปลอม เรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยชาวจีน ให้หนีออกนอกประเทศ อีกทั้งยังรับงานเป็นคนรับใช้แบบ VVIP ลัดคิวที่ ตม. ให้ และจัดรถนำขบวนไปส่งถึงพัทยา ผมคิดว่า สังคมปล่อยให้ตำรวจ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว และจำเป็นต้องมีการปฏิรูปวงการตำรวจอย่างเร่งด่วน

ตราบใดก็ตาม ประชาชนไม่อยู่ในสมการของการแต่งตั้งโยกย้าย และความก้าวหน้าทางอาชีพของตำรวจ ตำรวจจะไม่มีทางเห็นหัวประชาชน พอประชาชนหวังจะหนีร้อนไปพึ่งเย็น ก็ถูกเตะถ่วงไม่ยอมทำงาน [6] ดังนั้นการปฏิรูปตำรวจขั้นพื้นฐานที่สุด ก็คือ ต้องทำให้เสียงของประชาชนมีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ซึ่งพรรคก้าวไกล เสนอให้มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะประจำจังหวัด” ซึ่งมีตัวแทนภาคประชาชน เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการ มีหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้กำกับ รองผู้บังคับการ และผู้บังคับการประจำจังหวัด นอกจากนี้คณะกรรมการชุดนี้ ยังมีหน้าที่ในการให้ความเห็นชอบ กับการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสูง มาประจำที่จังหวัดอีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ ตำรวจสมุนนายบ่อน ตำรวจมาเฟีย ตำรวจเด็กเส้น เข้ามาวางอิทธิพลกดขี่ประชาชนในจังหวัด

ปล่อยเอาไว้ไม่ได้แล้วครับ ทุกวันนี้ ประชาชนไม่รู้จะกลัวอะไรมากกว่ากันระหว่างโจร กับตำรวจ

อ้างอิง:

[1] https://www.bbc.com/thai/articles/cz7yzzg09j6o

[2] https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3791840

[3] https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3796510

[4] https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3797101

[5] https://mgronline.com/crime/detail/9660000009210

[6] https://www.thairath.co.th/entertain/news/2611813