ความในใจ อ.ธงชัย วินิจจะกูล : “แบม-ตะวัน” ใจใหญ่เกินตัว แต่คนใจเล็ก ปล่อยให้เพ้อเจ้อไป

ศ.ดร.ธงชัย วินิจจะกูล ให้สัมภาษณ์มติชนทีวี ระหว่างไปร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้องของ “ตะวันกับแบม” หน้าหอศิลป์ กทม.

“ผมอยากจะท้านะว่า ไปถามรายคนเลยว่ามีใครเห็นด้วย แทบทั้งหมดจะบอกว่าเห็นด้วยไม่ลง เพราะถ้าทุกคนเห็นด้วยก็ต้องโดดลงไปทำ

“แต่คนที่ออกมาดูถูก ด้วยเหตุผลนี้ เช่นเหตุผลที่หนึ่งที่เขามักจะให้กัน ก็คือว่า ไม่เห็นเหรอว่าผลของเรื่องนี้มันทำไม่ได้ทันที ผมอยากจะถามกลับ คุณนึกว่าคุณฉลาดคนเดียวเหรอ? เด็กสองคนนี้ หรือใครๆ ในโลกก็เห็นว่ามันไม่ก่อผล ถ้าถามว่าไม่ก่อผล แล้วยังทำทำไม?

“ผมถามกลับว่าคุณนวมทอง ไพรวัลย์ สละตัวเองแล้วไงฮะ เกิดรัฐประหารต่อมาไหม? ก็เกิด ใช่ไหมฮะ คุณนวมทองโง่มากสิ ดูถูกเขาไปเลย โง่มาก ตายแล้วยังอุตส่าห์ไม่ป้องกันการรัฐประหารอีก

“ถามว่าคุณสืบ นาคะเสถียร ฉลาดไหมฮะ? ฆ่าตัวตายแล้วสามารถหยุดการทำลายป่าได้ไหม? ไม่ได้ นอกจากหยุดไม่ได้แล้ว คนที่มีส่วนในการทำลายป่าคือผู้พิพากษาทั้งหลาย ที่ทำป่าดอยสุเทพ ป่าแหว่ง ถามว่าคุณสืบนี่โง่ฉิบหายเลยใช่ไหม?

“ขออนุญาตพูดกันอย่างแรงๆ หยาบๆ ไม่ เขาเห็น เขาฉลาดพอๆ กับนายแบก นางแบก และคนทั้งหลายที่ question (ตั้งคำถาม) แต่คนเหล่าที่คิดที่พูดมาด้วยเหตุผลนี้ว่าคุณไม่เห็นเหรอว่ามันไม่ได้ผล คุณต่างหากล่ะ คุณลองคิดดูหน่อย ถ้าหากเด็กพวกนี้คิดสั้น มองไม่เห็น ก็ถือว่าไม่ฉลาด

“แต่ถ้าหากเด็กเหล่านี้ คุณสืบ นาคะเสถียร คุณนวมทอง ไพรวัลย์ เขาคิด เขารู้ เขารู้มันไม่เกิดผลในเร็ววัน ทำไมเขายังจะทำอยู่ แปลว่าเขาคิดใหญ่มาก เขาคิดทั้งๆ ที่รู้ว่ามันอาจไม่ได้ผล

“แปลว่าอะไร? แปลว่าเขาคิดจะทำอย่างนั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ตายนะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาจไม่เกิดผลขึ้นมาทันที คนแบบนี้ต่างหากใจใหญ่มาก ใจใหญ่จนผมไม่กล้า คุณไม่กล้า ใจใหญ่จนถึงคุณไปถามใครก็บอกเห็นด้วยไม่ลง เพราะเราใจใหญ่ไม่พอ

“ถามว่าคนใจใหญ่อย่างนี้น่ะเหรอ ที่พวกคุณควรจะดูถูก ผมขอตอบว่า ผมพอใจอย่างหนึ่งที่ไม่มีคนไปต่อล้อต่อเถียงกับคนใจเล็กขี้ประติ๋วขนาดนั้น เพราะคนใจเล็กขี้ประติ๋วคิดเล็กคิดน้อย จับผิดเล็กๆ น้อยๆ ไม่คู่ควรต้องไปถกเถียงด้วย ปล่อยให้เพ้อเจ้อไป อยู่ทีวีช่องไหน สักวันคนก็จะไม่ฟังพวกคุณ พวกคุณต่างหากล่ะควรจะหยุด ใจน้อย ปากน้อย หยุดพูดซักหน่อย แล้วไปนั่งคิดดูให้ดี

“คานธีเขาใจใหญ่แค่ไหน ถึงทำในสิ่งที่มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าตัวเองอาจจะล้มเหลว อาจจะตายฟรี สืบ นาคะเสถียร นวมทอง ไพรวัลย์ คนเหล่านี้เขาโง่ขนาดไม่รู้เหรอว่ามันไม่เกิดผลในทันที? เขาไม่โง่ เขารู้ เพราะฉะนั้น คนที่ดูถูกพวกเขาเหล่านั้นต่างหาก ถ้าหากยังมีวิจารณญาณอยู่บ้าง หยุดพูดและกลับไปคิดให้ดีสักหน่อย ให้เวลาทบทวนความคิดตัวเองสักหน่อยว่าตัวเองทำไมถึงใจเล็กขนาดนั้น? ทำไมถึงใจแคบขนาดนั้น?

“ถ้าอย่างนั้นจะตระหนักดีว่าเราที่มาในที่นี้ คงไม่มีใครบอกหรอกว่าเราเห็นด้วย แต่เอ็งไปตายก่อนนะ เราอาจจะบอกเราไม่เห็นด้วย เพราะเราทำไม่ลง เพราะเราใจไม่ใหญ่พอ เราไม่กล้าสละตัวเองเพื่อสิ่งที่มันใหญ่ขนาดนั้น”

“เด็กๆ ตั้งแต่ปี 2563 ข้อเรียกร้องทั้งหลาย จะแรงจะเบาเราเถียงกันได้ แต่ข้อเรียกร้องสำคัญอันหนึ่ง ซึ่งพวกเรามองข้ามแล้วก็ ignore (เพิกเฉย) กันมาตลอด คือ ข้อสอง เขาขอให้ไปคุยในสภา แค่นี้ให้ไม่ได้เหรอ? ถ้าสภาไม่ใช่ที่ถกเถียง แล้วคุณจะให้ที่ไหนอีกล่ะ? ที่จะเป็นที่ที่เปิดโอกาสให้คนคุยกัน ทุกวันนี้ สภายังประกาศปิดประตูไม่ให้เขาเถียงกัน

“แม้ข้อสามของตะวันกับแบม บอกให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยหยิบ issue (ประเด็น) นี้ขึ้นไปผลักดันในสภาหน่อย พรรคการเมืองก็ยังไม่กล้าออกมาพูดแค่ว่า เอาเขาไปพิจารณาหน่อย ถ้าคุณเอาเขาไปพิจารณา มันก็จะช่วยได้เยอะ และเราอาจจะมีโอกาสได้ต่อรองกับเด็กสองคนนั้น ว่าอย่าแรงขนาดนี้เลย

“ผมเชื่อว่าพรรคการเมืองต่างๆ มีความกังวล 108 ผมอยากจะถามว่า ความกังวลของท่านเหล่านั้นมีค่ามากกว่าชีวิตของเด็กเหรอ? ใครก็ตามที่กังวลว่าจะไม่ได้กลับบ้าน การที่คุณไม่ได้กลับบ้าน มีค่ามากกว่าชีวิตของเด็กเหรอ? ถ้าชีวิตของเด็กมีค่ามากกว่า ออกมาแสดงท่าทีหน่อย ช่วยเขาหน่อย เราจะได้ไปพูดคุยกับเด็ก ต่อรองให้เขาลดลงมาหน่อย

“แต่ทุกวันนี้ ผมไม่อยากจะเชื่อ คุณแคร์กับการที่ตัวเองไม่ได้กลับบ้านมากกว่าชีวิตของเด็ก เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ไปจนถึงเรื่องที่ว่าเปิดประตูสภาสิ คุยกัน สังคมถกเถียงกัน

“และประการสุดท้าย สื่อมวลชนทำตัวน่าเกลียดมานานแล้ว ไม่เคยรายงานข่าวเหล่านี้ ไม่เคยเปิดให้มีการถกเถียงในเรื่องเหล่านี้ สื่อมวลชนหลักๆ ทั้งหลายทำราวกับช้างตัวเบ้อเริ่มที่คุณมองไม่เห็น

“ผมถึงบอกเมื่อเร็วๆ นี้ว่า คงเป็นเรื่องตลก ถ้าหากเป็นข่าวไปในต่างประเทศว่าคนไทยเรียกร้องให้ศาลปฏิบัติตามกฎหมาย คงเป็นเรื่องตลกอีกเช่นกัน ถ้าคนไทยเรียกร้องให้สื่อมวลชนรายงานข่าวหน่อยสิ”