“พิธา” นำทีม ลุยเยาวราช มั่นใจปักธงได้ ชี้ถ้าปิดสวิตช์ 3 ป.ได้จะจับมือกับฝ่ายค้านชุดปัจจุบัน

“พิธา” ควงว่าที่ผู้สมัครเขตป้อมปราบ ลุยเยาวราช มั่นใจ ก.ก.ปักธงได้ เชื่อ ส.ว.ไม่กล้าเอาพลังลากตั้งมาสู้ หากปิดสวิตช์ “3 ป.” ได้ ลั่น ขอจับขั้วฝ่ายค้านชุดปัจจุบัน ไม่ร่วมสังฆกรรมพรรคทหารจำแลง ฝากบอกบิ๊กตู่เจอกันบนเวทีดีเบต

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 22 มกราคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วย น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บีญชีรายชื่อ และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมคณะ ลงพื้นที่พบปะประชาชนที่บริเวณถนนเยาวราช พร้อมแนะนำนายปารเมศ วิทยารักษ์สวรรค์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 1 โดยมีประชาชนมาขอพบปะและขอร่วมถ่ายรูปอย่างคับคั่ง จากนั้นนายพิธาได้กล่าวอวยพรตรุษจีนต่อสื่อมวลชน ว่า ในฐานะลูกหลานคนจีน ขอให้เป็นปีมหาลาภ เป็นปีมหามงคล ขอให้ทุกคนมีความสุขสมดั่งปราถนา ขอให้เป็นปีแห่งประชาธิปไตย เป็นปีที่การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคตกันถ้วนหน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงพื้นที่เยาวราชครั้งนี้ ถือว่าเป็นการปักหมุดหมายของพรรค ก.ก.หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เราส่งนายปารเมศ ซึ่งเป็นลูกหลานเชื้อสายจีน เรียนหนังสือและทำธุรกิจอยู่ในประเทศจีน คิดว่านายปารเมศมีความเข้าบริบทและความต้องการของทั้ง 2 ประเทศเป็นอย่างดี ในอดีตเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 พรรค ก.ก.ก็ได้อันดับที่ 2 ส่วน ส.ก.เขตพระนครก็ได้รับความไว้วางใจ ฉะนั้นมีความมั่นใจว่าจะสามารถส่งนายปารเมศ เข้าสู่สภา เป็นตัวแทนชาวเยาวราชได้อย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า มีจุดแข็งหรือกลยุทธท์อะไรในการเอาชนะพื้นที่แห่งนี้ นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าทุกพื้นที่ต้องมีการแข่งขันกัน แต่เท่าที่หารือกับนายปารเมศ คิดว่ามีอยู่ 2-3 เรื่องที่ทำให้คนเยาวราชนอนไม่หลับ ได้แก่ 1.เรื่องนอมินีจีนที่เข้ามาแย่งการค้าขายคนในพื้นที่ 2.เรื่องเกี่ยวกับการจราจร การสร้างสถานีรถไฟ ที่ไม่สามารถทําให้การค้าขายกลับมาดีเหมือนเดิม 3.อำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเอาสายไฟฟ้าลงดิน การจราจร ทางม้าลาย ฉะนั้นเรื่องนี้ในบริบทของคนเยาวราช ตนในฐานะลูกหลานคนเยาวราช คิดว่าพอที่จะทำให้กระดิ่งในใจของคนเยาวราชดังขึ้นมาได้ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง

เมื่อถามว่า เจ้าของพื้นที่เดิมย้ายสังกัดมาพรรคเพื่อไทย (พท.) ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนคิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่มีเจ้าของประชาชน แต่ละพื้นที่ต้องแข่งขันด้วยตัวบุคคลและนโยบาย ใครที่สามารถตอบโจทย์ความท้าทายในแต่ละพื้นที่มากกว่า ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน เราก็ต้องสู้เต็มที่เพื่อเอาพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้งให้ได้

เมื่อถามถึงจุดแข็งของพรรค ก.ก.ในการสู้กับพรรคอื่น นายพิธา กล่าวว่า “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” ในภาพใหญ่เราเสนอเรื่องนําสามัญสำนึกกลับเข้าสู่การเมือง ควรมีการทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะเดียวกันการเลือกตั้งครั้งนี้ จะทำให้การเมืองดีขึ้นมาได้ด้วยการปิดสวิตช์ 3 ป.

“เชื่อว่าถ้าพรรคการเมืองร่วมมือกันในสภา แล้วปิดสวิตช์ 3 ป. เอาทหารออกจากการเมืองไทยตั้งแต่ตอนนี้ ส.ว. คงไม่กล้าเอาพลังลากตั้งมาสู้เลือกตั้ง” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า ในเรื่องของปากท้องเราก็มีนโยบายมากมาย ทั้งเรื่องของรัฐสวัสดิการ หวย เอสเอ็มอี และเรื่องของเศรษฐกิจใหม่ๆ เรื่องราวของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าวันนี้เจอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะต้อนรับสู่สนามการเลือกตั้งอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ต้องบอกว่าไม่เจอกันในสภานานแล้ว หวังว่าจะได้เจอกันที่ 152 และเมื่อใกล้เลือกตั้งคงมีโอกาสได้เจอกันบนเวทีดีเบตมากขึ้น

เมื่อถามว่า อยากกล่าวอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ นายพิธา กล่าวว่า เจอกันที่เวทีดีเบต คงไม่มีอะไรต้องฝาก แต่ถ้าหากสนใจในฐานะนักการเมืองด้วยกัน คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน มีความเปราะบางหลายเรื่อง เช่นกรณีที่มีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาก็ต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกันที่ พล.อ.ประยุทธ์ คุมข้าราชการตํารวจอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องมีตำรวจพาไปต่างจังหวัดอย่างที่ปรากฎตอนนี้ หรือกรณีทุนจีนสีเทา ทั้งหมดทั้งมวลต้องมีสมดุล แน่นอนว่าเราเป็นเพื่อนมิตรมหาประเทศกัน แต่ในขณะเดียวกัน เราต้องปกป้องผลประโยชน์ของคนในชาติ ปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของตำรวจและดีเอสไอ อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงเรื่องนี้ให้ประชาชนทราบ เพื่อเป็นของขวัญวันตรุษจีน

เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การจับขั้วรัฐบาลของพรรค ก.ก. นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีการจับขั้วของพรรค ก.ก. ไม่มีอ้อมค้อม ไม่มีรอกระแสลมใดๆ ทั้งสิ้น ตนพูดหนักแน่นชัดเจนหลายครั้งว่า ตอนนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับความท้าทายที่มีอยู่ในประเทศไทย พรรค ก.ก.พร้อมที่จะจับขั้วกับฝ่ายค้านชุดปัจจุบัน สิ่งที่เป็นไปไม่ได้คือการจับขั้วกับพรรคทหารจำแลง ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นสิ่งที่ยืนหยัดชัดเจน ยืนยันว่าการที่พรรค ก.ก.ลงมาสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้คือการเปลี่ยนแปลงประเทศ ไม่ได้เปลี่ยนรัฐบาลเพียงอย่างเดียว และการเปลี่ยนประเทศเริ่มต้นด้วยการปิดสวิตช์ 3 ป.

เมื่อถามว่า ถ้าพรรค พปชร.จับมือกับ พท. โอกาสที่ ก.ก.จะร่วมจับด้วยมีมากน้อยแค่ไหน นายพิธา กล่าวว่า “ถ้ามีพรรคพลังประชารัฐอยู่ในรัฐบาลนั้น พรรคก้าวไกลไม่จับมือด้วย”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. รุกลงพื้นที่ มองว่าการยุบสภาต้นเดือนกุมภาพันธ์ มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า จริงๆแล้วเป็นไปได้หมด แต่หากวิเคราะห์กัน ต้องดูความพร้อมของผู้ที่มีอำนาจยุบสภา พอแตกพรรคออกมา ความพร้อมหรืออะไรที่เตรียมเอาไว้ ก็ไม่เหมือนอย่างที่คิด เปิดตัวแล้วไม่ปังแต่แป๊ก ส่วนใหญ่เขาจะยุบเมื่อตัวเองได้เปรียบ ซึ่งตนไม่มั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ มีความได้เปรียบตรงนั้นอยู่หรือเปล่า

ด้านนายปารเมศ กล่าวหลังจากนายพิธาให้สัมภาษณ์ว่า มั่นใจว่าพรรค ก.ก.ต้องปักธง กทม. เขต 1 ให้ได้