เผยแพร่ |
---|
“จาตุรนต์” เสนอ5มาตรการ รับมือเปิดการท่องเที่ยว ชี้ สธ.ชักเข้าชักออกมาตรการ กระทบท่องเที่ยวไทย ห่วงเครื่องมือไม่พร้อม ทำเสียโอกาส
วันที่ 13 มกราคม 2566 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมาตรีและกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว จากการประกาศมาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยวของหน่วยงานสาธารณสุขที่กลับไปกลับมากระทันหันจนกระทบกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไทยว่า
ภาวะชักเข้าชักออกมาตรการทางสาธารณสุขกับการท่องเที่ยวไทย
ก่อนที่จีนจะเปิดประเทศในวันที่ 8 มกราคม หลายฝ่ายห่วงใยว่าการไม่มีมาตรการทางสาธารณสุขที่เหมาะสมทันการณ์อาจจะทำให้เกิดปัญหาตาม มาถึงวันนี้ก็ปรากฏว่ามีปัญหาตามมามากขึ้นจริงๆ
การชักเข้าชักออกในการประกาศมาตรการทางสาธารณสุขทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยจากหลายประเทศต้องยกเลิกการเดินทางเพราะฉุกละหุกเกินไป แม้จะยกเลิกในภายหลังก็ไม่ทันเสียแล้ว ซ้ำร้าย การประกาศเช้าแล้วเย็นยกเลิก ยิ่งทำให้รัฐบาลไทยถูกมองว่าขาดความน่าเชื่อถืออย่างรุนแรง
ที่สำคัญการไม่มีมาตรการที่เหมาะสมต่อผู้เดินทางมาจากจีน มาเก๊าและฮ่องกง ทำให้คนไทยเองเป็นห่วงว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโควิดมากแค่ไหน และหลายประเทศจับตาดูสถานการณ์ในไทยด้วยความเป็นห่วง
ล่าสุดมีการยกเลิกการเข้ามาท่องเที่ยวในไทยของชาวอินเดียจำนวนหนึ่งซึ่งยังไม่มีใครทราบว่าจะลุกลามบานปลายไปแค่ไหน
อินเดียเป็นหนึ่งในบางประเทศที่มีมาตรการเข้าสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าอินเดียจากจีน ที่พิเศษคือรวมถึงจากญี่ปุ่น เกาหลีและไทยด้วย วิเคราะห์กันว่าที่รวมไทยด้วยทั้งๆที่สถานการณ์โควิดในไทยไม่รุนแรงอะไร น่าจะเป็นเพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวจากจีน พอมาเจอกับมาตรการแบบไม่มีมาตรฐาน นักท่องเที่ยวจากอินเดียจึงยกเลิกแผนการท่องเที่ยวในช่วงใกล้ๆนี้กันไปจำนวนหนึ่งแล้ว
เศรษฐกิจไทยเติบโตช้ากว่าใครเขา การส่งออก การลงทุนจากภาคเอกชน การบริโภคภายในและการใช้จ่ายภาครัฐไม่อยู่ในสภาพที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากๆได้เลย จะมีแต่การท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเพียงตัวเดียวที่เหลืออยู่ คาดกันว่าอาจมีนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศเข้ามาไทยมากถึง 20 ล้านคน ทำรายได้มากเป็นล้านล้านบาท
แต่การทำงานไม่เป็นมืออาชีพของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนี้อาจจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยมากว่าที่หลายฝ่ายคิดกัน
นอกจากนี้ยังมีปัญหาอุปสรรคอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้รับการแก้ไขล่วงหน้า ทำให้การท่องเที่ยวและระบบเศรษฐกิจไทยอาจไม่พร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ ทำให้เศรษฐกิจได้เสียโอกาสที่จะได้อุตสาหรรมท่องเที่ยวไปอย่างน่าเสียดาย ไม่ว่าจะเป็น
1. การเตรียมวัคซีน m RNA และยาต้านไวรัสให้พร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในไทย
2.การขาดแคลนแรงงาน
หอการค้าไทยเพิ่งออกมาชี้ว่าวงการธุรกิจท่องเที่ยวขาดแคลนแรงงานอย่างมาก ซึ่ก็น่าแปลกที่ทั้งสภาอุตสาหกรรมพูดเรื่องนี้มาเป็นปีแบบแผ่นเสียงตกร่องมาโดยตลอดแต่ภาครัฐก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรล่วงหน้า
3.หนี้สินและทุน
ก่อนหน้านี้ทางภาคเอกชนก็พูดถึงผู้ประกอบการในอุตสาหรรมท่องเที่ยวจำนวนมากล้มไปแล้วหรือที่หยุดไปก็ไม่สามารถกลับมาทำธุรกิจได้เพราะไม่มีทุนและยังเป็นหนี้กันอยู่
4.การได้รับอนุญาตหรือผ่อนผันกฎระเบียบ
โรงแรมและที่พักในเมืองท่องเที่ยวหลักๆยังมีปัญหาเรื่องไม่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้องและไม่ได้รับการดูแลแก้ไข 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัญหานี้อาจไม่เห็นชัดเพราะไม่มีนักท่องเที่ยว พอจะมีนักท่องเที่ยวมามากๆก็อาจเจอปัญหากันอีก
5.การพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวและระบบลอจิสติก
นี่ก็เป็นเรื่องเรื้อรังที่ไม่ได้รับการแก้ไข หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวรู้ปัญหา รู้ว่าต้องการทำอะไรสร้างอะไร แต่ไม่สามารถตั้งของบประมาณเอง ต้องรอให้หน่วยงานเจ้าของสถานที่เช่นกรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเล กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบทเป็นต้นเป็นผู้เสนอ แต่หน่วยงานเหล่านั้นก็ไม่ได้มีภารกิจหรือความสนใจเข้าใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทำให้ไม่เกิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและระบบการเดินทางหรือลอจิสติกเพื่อรองรับการท่องเที่ยว
6.การกระจายรายได้จาการท่องเที่ยว
เรื่องนี้เป็นหน้าที่โดยตรงของภาครัฐซึ่งถ้ารัฐบาลไม่เป็นผู้นำ ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้คือการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวให้กว้างออกไป จากเมืองใหญ่ไปถึงเมืองรอง เมืองเล็กๆและชนบท กับการทำให้ผู้ประกอบการ รายเล็กรายน้อยและผู้ทำอาชีพอิสระหรือรับจ้างได้รับประโยชน์จาการท่องเที่ยวให้มากกว่าที่ผ่านมา
7.ความปลอดภัย
ที่ผ่านมากาชญากรรมที่เกิดกับนักท่องเที่ยวเกิดขึ้นบ่อยและเป็นข่าวดังไปทั่วโลก แต่้ไม่เห็นมีการยกเครื่องเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง วงการตำรวจอยู่ในสภาพสะบักสะบอมและไม่มีสมาธิพอที่จะจัดการเรื่องนี้ได้เลย
จากปัญหาความระส่ำระสายที่กำลังเกิดขึ้นกับการท่องเที่ยว จากมาตรการทางสาธารณสุขอย่างสะเปะสะปะครั้งนี้ ที่หลายฝ่ายฝากความหวังไว้กับการท่องเที่ยว รัฐบาลควรรวมรวมข้อเสนอของภาคเอกชนมาวางแผนดำเนินการพร้อมกับตั้งโจทย์ในเรื่องที่ภาคเอกชนอาจไม่มีหน้าที่เช่นการกระจายการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้จาการท่องเที่ยว เพื่อผลักดันให้เกิดผลจริงจังเสียตั้งแต่บัดนี้
ผมเสนอเรื่องนี้ทั้งๆที่ไม่ค่อยหวังกับรัฐบาลนี้ว่าจะทำอะไรได้สักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องเสนอครับ ถ้ารัฐบาลไม่รู้จักทำ ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นและประทศไทยก็เสียโอกาส และต่อไปทุกฝ่ายก็คงเห็นพ้องต้องกันว่าถ้าจะทำสิ่งเหล่านี้ได้คงต้องเปลี่ยนรัฐบาลครับ