สรุปข่าวรอบสัปดาห์ : ครม.ไฟเขียวหยุดปีใหม่4วัน / เด้งผู้ว่าฯ ชล-นน เข้ากรุ / “ป.ป.ช.”ฟันทุจริตไฟ กทม. 39ล.

สรุปข่าวในประเทศ

ครม.ไฟเขียววันหยุดปีใหม่ 4 วัน

30 ธันวาคม 2560 – 2 มกราคม 2561

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ว่า วันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งตามปฏิทินจะพบว่าวันที่ 30-31 ธันวาคม เป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์อยู่แล้ว ทั้งนี้ วันที่ 30 ธันวาคม ภาษาราชการเรียกว่าวันหยุดประจำเดือน แต่วันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันหยุดประจำปี และวันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ที่ตรงกับวันจันทร์เป็นวันหยุดประจำปี ดังนั้น มีหลักการของ ครม. อยู่แล้วว่า หากกรณีใดก็ตามที่วันหยุดประจำปีไปตรงกับวันหยุดประจำเดือน คือวันที่ 31 ธันวาคม ก็ให้นับชดเชยไปอีกวันหนึ่ง คือจะมีวันหยุดเป็นวันที่ 2 มกราคม เพิ่มขึ้นมาอีกวันหนึ่ง เกิดจากการชดเชยวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันหยุดประจำปีซึ่งตรงกับวันหยุด ดังนั้น วันหยุดปลายปีนี้จะเป็นวันที่ 30-31 ธันวาคม 2560 และ 1-2 มกราคม 2561 รวม 4 วัน ทั้งนี้ นายกฯ ได้อธิบายให้ที่ประชุม ครม. ทราบว่าหากหยุดนานไปก็ไม่ดี เพราะเศรษฐกิจจะไม่เคลื่อน เนื่องจากในเดือนธันวาคมนั้นมีวันหยุดมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวันรัฐธรรมนูญ วันชาติที่ 5 ธันวาคม ฯลฯ

เด้งผู้ว่าฯ ชลบุรี-นนทบุรี เข้ากรุ

จัดงานพระราชพิธีฯ ไม่เรียบร้อย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ได้ขออำนาจนายกรัฐมนตรี ให้ 1.นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี 2.นายภาณุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี มาช่วยราชการปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากตำแหน่ง และให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งสองจังหวัดที่มีอาวุโสถัดไปต้องมารักษาราชการแทน การให้ผู้ว่าฯ ทั้งสองคนออกจากพื้นที่ เนื่องจากถูกร้องเรียนว่าจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ไม่เรียบร้อยและไม่เป็นที่พอใจของประชาชน ซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 2 พื้นที่แล้ว และได้นำผลสอบสวนมารายงานต่อตน ซึ่งได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อไปอีกและต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน จึงขอให้ออกจากพื้นที่ก่อน ส่วนเรื่องงบประมาณในการจัดงานที่ลงไปในพื้นที่นั้นไม่ได้มีงบฯ ลงไปให้ แต่ใช้จากส่วนกลางโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้ทำสัญญา 5 สัญญา ซึ่งทางพื้นที่เป็นเพียงผู้แนะนำ คงมีเพียงงบประมาณเรื่องธุรการประมาณ 2 หมื่นบาทเท่านั้น เพราะในเรื่องพระเมรุมาศหรือซุ้ม ดำเนินการจากส่วนกลางทั้งสิ้น จึงไม่มีข้อเท็จจริงเรื่องของการทุจริต

“ป.ป.ช.” ฟันทุจริต ไฟประดับ กทม. 39 ล.

สั่งสอบ “ชายหมู” ไม่ระงับยับยั้งทุจริต

นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับพวก รวม 18 ราย กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ในการจัดทำโครงการค่าใช้จ่ายในการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว วงเงิน 39,500,000 บาท โดยมิชอบ โดยมี นางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนนั้น

ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

1. ชี้มูลความผิดกับเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครและผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ นางสาวปราณี สัตยประกอบ ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว นายธวัชชัย จันทร์งาม ผู้อำนวยการกองการท่องเที่ยว นายมรกต ภูมิพานิช และ นายสิทธิโชค อภิบาล นักพัฒนาการท่องเที่ยวปฏิบัติการ

2. บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด นางสาวกันติกานต์ อินทศร นายวีระศักดิ์ ศิริจันทร์เพ็ญ นางสิริพร ชาวปราการ และ นางสาวคุณัณญา จรูญภาพิมล ฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดอาญาดังกล่าว

3. ให้เอาผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้เกี่ยวข้อง ฐานทำเอกสารเท็จ จำนวน 16 ราย

ส่วน นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไม่พบความผิด ขณะที่หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เสนอให้สอบสวนเพื่อเอาผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ระงับยับยั้งหรือตรวจสอบการทุจริตในโครงการดังกล่าว

คสช. ลุยเองส่งฝ่ายกฎหมายแจ้งความ

เอาผิด “รองฯ ชัยฤทธิ์” พายิ่งลักษณ์หนี

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ สน.ปทุมวัน พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการ ประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับมอบจากหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เข้าพบ พล.ต.ต.ภคพงษ์ เภตรา รอง ผบช.น. ในฐานะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนำพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และ พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์ คงอิทธิ รอง ผกก.สอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 ช่วยราชการ ศปก.บก.น.5

โดยกล่าวหาว่า ขับรถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอมพา น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ประกันตัวปล่อยตัวชั่วคราว แต่ไม่จับกุมตัวนำตัวไปฟังคำพิพากษา แต่กลับพาหนี จึงแจ้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157