“สนธิญา” ร้อง กกต.สอบ ส.ค.ส.ทักษิณ-สมาชิก เพื่อไทย-โอ๊ค ลั่นถ้าไม่เป็นตามกฎหมายเข้าข่ายครอบงำชี้นำ

“สนธิญา” ร้อง กกต.สอบ ส.ค.ส.ทักษิณ-สมาชิก พท.โอ๊ค ถูกต้องหรือไม่ ลั่นถ้าไม่เป็นตามกฎหมายเข้าข่ายครอบงำชี้นำ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ม.ค.66 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นเรื่องต่อ กกต. เพื่อให้ตรวจสอบใน 2 ประเด็นคือ 1.ตรวจสอบลายมือในส.ค.ส.อวยพรสวัสดีปีใหม่ของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นของนายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ 2.ขอให้ตรวจสอบสถานะของนายพานทองแท้ ชินวัตร ว่าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ถูกต้องตามกระบวนการหรือไม่

นายสนธิญา กล่าวว่า ที่ผ่านมานายพานทองแท้ ออกมาเคลื่อนไหวในหลายเรื่อง ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีชื่ออยู่ในทะเบียนของกกต.แล้วหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ถ้าเปรียบเทียบกับของตนที่เคยมายื่นลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่กกต. ซึ่งทางกกต.ได้ตอบมาว่าตนไม่มีรายชื่ออยู่ในพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นคือถ้ากรณีแบบนี้พรรคการเมืองจะต้องส่งรายชื่อผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นๆ ทุกๆ 3 เดือน

โดยกรณีของตนที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคพปชร. ผ่านมา 5 เดือน ตนไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนของนายทะเบียนพรรคการเมือง และก่อนหน้านี้ตนได้ปรึกษากับกกต.และฝ่ายกฎหมายว่าการที่จะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่สมบูรณ์แบบนั้นจะต้องเริ่มที่ตรงไหน จึงเรียนถามว่านายพานทองแท้ เป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วหรือไม่

“ผมมาขอลาออกจากพรรคการเมือง เขาก็บอกไม่มีรายชื่ออยู่ในพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง ผมก็ต้องถามด้วยถ้าเป็นอย่างนี้ โอ๊คมีชื่ออยู่ไหม ถ้าไม่มีชื่อโอ๊คที่ไปเกี่ยวข้อง ก้าวก่ายอยู่กับพรรคเพื่อไทยก็กลายเป็นว่าชี้นำ บงการ เพราะผมไม่ได้ไปชี้นำบงการพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดเลย” นายสนธิญา กล่าว

เมื่อถามว่าทั้ง 2 กรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง นายสนธิญา กล่าวว่า การที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วเข้าไปยุ่งเกี่ยว เท่ากับว่าชี้นำ ครอบงำ หรือบงการพรรคการเมืองนั้นๆ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 (3) บัญญัติว่าการกระทำที่ผิดต่อมาตรา 28 ,29 ที่ว่าด้วยการที่บุคคลภายนอกเข้ามาชี้นำ ครอบงำ จะนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองได้

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนก็จะไปยื่นเรื่องต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ถึงการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมของนายพานทองแท้ ที่วิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหวของตนว่าเหมือนกับสุนัขรับใช้ เลียรองเท้าบู๊ท หรือรับใช้เผด็จการ และช่วงบ่ายวันนี้ตนจะเดินทางไปที่ศาลอาญา เพื่อใช้สิทธิฟ้องนายพานทองแท้ ฐานความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาในระบบคอมพิวเตอร์