ส่องท่าทีเพื่อไทย ต่อปฏิบัติการโต้กลับ ค่าแรง 600 รับมือยังไง ?

เพื่อไทย สร้างความมั่นใจภาคธุรกิจ ค่าแรงขั้นต่ำทำได้ แต่อย่าคิดจากฐานปัจจุบันอีก 10 นโยบายเพื่อไทยจะทำ เพื่อโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ทั้งระบบ

นายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย คณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ กล่าวถึงกรณีคำวิจารณ์นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท จะทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพรวมเศรษฐกิจประเทศว่า การประกาศนโยบายใดๆ เพื่อไทยคิดถึงทุกภาคส่วน เราทราบดีว่าผู้ประกอบการ ต้องการยอดขายสูงขึ้น และกำหนดต้นทุนได้ไม่สูงเกินกว่าความจำเป็น และการประกาศค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในปี 2570 คือเป้าหมายหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เรามีวิธีการพร้อมแล้วที่จะทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นปีละ 5% ดังนั้นนโยบายทั้ง 10 ข้อที่ได้ประกาศไปแล้ว จะทำเศรษฐกิจเติบโตทั้งระบบอย่างเป็นขั้นตอน บริหารความเหลื่อมล้ำให้ลดลง พร้อมหลักการทำงานลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ทุกคนได้ประโยชน์ เรายอมรับว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นี่คือเรื่องจำเป็นที่ต้องทำ

เพื่อไทยเข้าใจดีถึงอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจทุกขนาด ว่าภาคธุรกิจกำลังแบกรับสภาพความไม่เติบโต และต้นทุนส่วนอื่นสูงกว่าที่ควรมายาวนาน เพราะจากฐานสภาพธุรกิจปัจจุบัน ที่ยอดขายไม่เพิ่มขึ้น ซ้ำร้ายยังลดลง และต้นทุนพลังงาน ค่าสาธารณูปโภคสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า เพราะรัฐบาลบวกภาระภาษีเข้าไปในอัตราสูง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ที่ผู้ประกอบการรายกลาง-รายเล็กต้องจ่ายสูงกว่าอัตราที่ควร สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมกับผู้กู้รายกลางและรายเล็กหรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราดอกเบี้ยที่รายใหญ่จ่ายอยู่ จึงสร้างความกังวลให้ผู้ประกอบการ ว่าการเพิ่มขึ้นของค่าแรงในอัตราที่พรรคเพื่อไทยเสนอนั้นเป็นภาระหนักหนา

ในฐานะอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ขอยืนยันว่าเรามีความสามารถบริหารเศรษฐกิจให้เติบโต อย่างมีวินัยทางการเงินการคลัง พิสูจน์ผลงานมาแล้วในอดีต ไม่ว่าจะสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย หรือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบขนาดใหญ่ หรือขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นตลาดภายในประเทศ หรือตลาดส่งออก เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ดี ซึ่งเพื่อไทยจะทำและทำสำเร็จมาแล้ว เพราะแนวคิดเพื่อไทยต่างจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน

“เราเคยผลักดันให้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ จาก 212 บาทเป็น 300 บาท และอัตราเงินเดือนปริญาตรี 15,000 บาท เมื่อปี 2555 อย่างเป็นผลสำเร็จด้วยดี แม้ขณะนั้นประเทศไทยเพิ่งจะเผชิญกับมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ปี 2554 ในทางกลับกัน ผู้ประกอบการต่างเติบโต และจ้างงานเพิ่มขึ้น อัตราการว่างงาน ลดจาก 0.7 เหลือ 0.6 ในปีถัดไป ขอให้มั่นใจว่า เราจะทำให้ผู้ประกอบการเข้มแข็ง ลดภาระที่ไม่จำเป็นลง และสามารถจ่ายค่าจ้างค่าตอบแทนที่เหมาะสมให้กับคนที่ทำงานให้ผู้ประกอบการได้อย่างไม่ลำบากยากเย็น” อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าว

ด้าน นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โพสต์เฟสบุ๊คพาดพิงการแสดงวิสัยทัศน์ประเทศไทยในปี 2570 ภายใต้รัฐบาลเพื่อไทยว่าหากจะหาเสียงควรคำนึงถึงหายนะทางเศรษฐกิจ เป็นการโยนระเบิดให้เจ้าของกิจการ โยนภาระให้กับภาคเอกชน แต่พรรคได้คะแนน และยังกระทบต่อนักลงทุนต่างประเทศ เพราะจะไม่กล้าเข้ามาลงทุนนั้น รู้สึกแปลกใจที่คนเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงที่ดูแลผู้ใช้แรงงานแต่กลับมองไม่เห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงาน ที่ปัจจุบันได้ค่าแรงต่ำสวนทางกับค่าครองชีพสูง เงินไม่พอใช้ และการที่นายสุชาติกล่าวชี้แจงในรายการเจาะลึกทั่วไทย ในวันนี้ (8 ธ.ค.65) ว่าตนเข้ามาหลังจากที่นโยบายค่าแรงของพรรคพลังประชารัฐดำเนินการไปก่อนแล้วนั้น ถือเป็นการปัดความรับผิดชอบ เพราะนายสุชาติเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมาเป็นเวลากว่า 2 ปี แต่ชีวิตพี่น้องผู้ใช้แรงงานยากลำบาก ปี 2565 คนตกงาน 1.93% อยู่ที่ 700,000 คน และยังบอกว่า เงินเดือนเด็กจบปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือนเป็นเรื่อง ‘น่ากลัว’ นั้น หากคนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยังมีแนวคิดเช่นนี้ เมื่อไหร่พี่น้องแรงงานจะหลุดออกจากความยากจนแร้นแค้นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้ ทั้งที่การเพิ่มรายได้ไปพร้อมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเรื่อง ‘น่าทำ’ มากกว่า

ทั้งนี้ ในการแสดงวิสัยทัศน์ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระบุว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ 600 บาท และเงินเดือนผู้จบการปริญญาตรีจบใหม่ที่ 25,000 บาท ภายในปี 2570 เป็นการทยอยปรับขึ้น เพราะพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการกระตุ้นและสร้างความเติบโตเศรษฐกิจทั้งระบบเฉลี่ย 5% ต่อปี เมื่อเศรษฐกิจเติบโต ทักษะฝีมือแรงงานปรับตัวดีขึ้น จะทำให้ค่าแรงขยับขึ้นตาม ไม่ใช่มองแบบแยกส่วนว่าจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างเดียว วิสัยทัศน์นี้นอกจากจะไม่นำพาความหายนะทางเศรษฐกิจและไม่ใช่ระเบิดเวลาตามที่นายสุชาติพยายามพูดให้คนเข้าใจผิดแล้ว สิ่งที่เพื่อไทยมำยังนำพาความสุข ลดความเหลื่อมล้ำ คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับพี่น้องแรงงานไทยได้อีกด้วย

นางสาวตรีชฎา กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่พูดแล้วรับผิดชอบในคำพูดและทำได้ พิสูจน์แล้วจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ซึ่งตรงกันข้ามกับพรรคที่นายสุชาติสังกัดที่หาเสียงในการเลือกตั้งปี 2562 ไว้ว่าจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ 400-425 บาท เงินเดือนผู้จบการศึกษาปริญญาตรีจะอยู่ที่ 20,000 บาท มีหลักฐานของการหาเสียงไว้ชัดเจน ยังไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียงไว้ เปรียบเสมือนการตระบัดสัตย์ต่อพี่น้องประชาชน นายสุชาติอย่าคิดว่าพรรคอื่นจะไม่รักษาคำพูดเหมือนพรรคที่นายสุชาติสังกัดอยู่ เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้ทั้งหมด และหากพรรคเพื่อไทยจะหาเสียงในตอนนี้ว่าค่าแรงขั้นต่ำจะปรับขึ้น 600 บาท ในอีก 3 ปี เท่าๆ กับระยะเวลาที่พรรคนายสุชาติสังกัดเคยหาเสียงไว้ ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และสมเหตุสมผลในเชิงตัวเลขแล้ว

“หายนะทางเศรษฐกิจที่แท้จริงตอนนี้เป็นที่ประจักษ์ว่า หนี้ครัวเรือนพุ่งขึ้นสูงสุด หนี้สาธารณะที่ทะลุเกินเพดาน การเติบโตทางเศรษฐกิจตกต่ำดำดิ่ง ดัชนีชี้วัดการทุจริตที่องค์กรนานาชาติเก็บข้อมูลพุ่งสูงสุดน่าอับอาย และคำสัญญาหาเสียงนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐเคยพูดไว้ ทั้งมารดาประชารัฐ ค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท เงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 20,000 บาท ไม่สามารถทำได้สักอย่าง นี่คือหายนะที่แท้จริงที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ ซึ่งรัฐบาลหน้า รัฐบาลเพื่อไทย จะต้องมากอบกู้ซากปรักหักพังนี้ให้ได้ นายสุชาติต้องศึกษาหาข้อมูลเพิ่มขึ้นให้เป็น เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กลับมีปัญหาเรื่องการปรับค่าจ้างให้พี่น้องแรงงานไทย นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา” นางสาวตรีชฎา กล่าว