การเมืองเรื่องตบหัว! เมื่อรองประธานสภาผู้แทนฯ ถูกรองนายกฯอบจ.แปดริ้ว แจ้งจับ

ยิ่งใกล้เลือกตั้งใหญ่ ปัญหาความสัมพันธ์ของนักการเมืองระดับชาติ ยิ่งวุ่นวาย การเมืองท้องถิ่นก็ชุลมุน แสดงออกผ่านข่าวความขัดแย้งมากมาย ไม่เว้นแต่ละวัน

ล่าสุดที่จ.ฉะเชิงเทรา นายวรรณา รอดพิทักษ์ หรือรองเปี๊ยก หรือ ส.จ.เปี๊ยก อายุ 69 ปี รองนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา เข้าแจ้งความต่อ ตำรวจสภ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ว่าถูกนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1ซึ่งถือเป็นเบอร์สองของประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ  ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ใช้มือตบบริเวณศีรษะเหนือใบหูด้านซ้าย ขณะไปร่วมงานฌาปนกิจศพชาวบ้านที่วัดทุ่งส่อหงษา หมู่ 11 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต ต่อหน้าผู้คนที่มาร่วมงานจำนวนมาก

 

โวยข่มขู่ต่อหน้าชาวบ้าน 

โดยตำรวจได้สอบปากคำและให้ผู้เสียหายไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายที่ รพ.สนาม ชัยเขต จากนั้นเดินทางไปชี้จุดเกิดเหตุประกอบหลักฐานการแจ้งความ ก่อนจะรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

นายวรรณาเผยว่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 26 พ.ย. ขณะไปร่วมงานฌาปนกิจศพที่วัดทุ่งส่อหงษา โดยนั่งอยู่เก้าอี้ด้านหน้าเพื่อรอขึ้นไปทอดผ้าบังสุกุล ระหว่างนั้นนายสุชาติ ตันเจริญ เดินลงจากรถยนต์มาร่วมงานด้วย พอเห็นตนนั่งอยู่ก็เดินปรี่เข้ามาหาพร้อมพูดด้วยเสียงดังว่า “ไอ้เ_ี้ยเปี๊ยกมึงชอบด่ากู” พร้อมกับยกมือตบหัวตน 1 ครั้ง

“คนเป็นนักการเมืองมาแสดงอำนาจ บาตรใหญ่ได้อย่างไร แสดงความข่มขู่ต่อหน้าชาวบ้านมากมายที่มาร่วมงาน ถือเป็นการกระทำอันไม่สมควร และไม่ให้เกียรติเจ้าภาพงานศพเป็นอย่างยิ่ง” นายวรรณา หรือ รองเปี๊ยกกล่าว

สนิทกัน-เคยช่วยชีวิต

ฝั่งความเห็นของ นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ยืนยันว่ารองเปี๊ยก ที่จริงแล้วสนิทกันมาก เคยช่วยชีวิตไว้ตอนที่ถูกยิง ดูแลกันมาตลอด ครั้งนี้ที่เจอก็แค่เข้าไปทักทาย ไม่ได้รุนแรงอะไร สัพยอกกัน ไม่ใช่เชิงข่มขู่ คุกคามอะไร ไม่เชื่อลองถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากได้

“นายวรรณา หรือ ส.จ.เปี๊ยก เคยเป็นลูกน้องคนสนิทคนหนึ่ง ที่ตามปกติเวลาที่ นายวรรณา มาหา ก็จะแสดงความเคารพกราบตัก เพราะว่าเคยช่วยชีวิต นายวรรณาไว้ เมื่อครั้งถูกยิงเกือบถึงชีวิต และก็ยังดูแลครอบครัวของ ส.จ.เปี๊ยก ที่มีหลายบ้านเป็นอย่างดี เมื่อพบหน้าครั้งนี้ก็เป็นฝ่ายเข้าไปทักทาย โดยได้ใช้มือเคาะไปที่หัวในลักษณะที่ไม่ได้รุนแรง แต่เป็นการสัพยอกไปว่า ได้ยินว่า ส.จ.เปี๊ยก ชอบพูดจาว่าร้าย ก็เพียงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาข่มขู่ หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายอย่างที่ ส.จ.เปี๊ยก พยายามกล่าวหา เรื่องนี้สามารถสอบถามผู้ที่อยู่ในงานได้ว่า เหตุการณ์เป็นอย่างไร เพราะทราบว่าในเฟซบุ๊กก็มีผู้ที่เห็นเหตุการณ์เข้าไปคอมเมนท์ถึงข่าวที่มีการนำเสนอในสื่อท้องถิ่นว่า เป็นเพียงการทักทายกันเท่านั้น ดังนั้นที่ ส.จ.เปี๊ยก บอกว่า จะไปแจ้งความนั้น ก็อาจจะเป็นการแจ้งความเท็จ

ต้องถาม ส.จ.เปี๊ยก ว่าเหตุที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต ทำลายชื่อเสียงคนที่มีบุญคุณกับชีวิต และทุกๆครอบครัวของ ส.จ.เปี๊ยก เป็นไปในลักษณะที่ชาวบ้านพูดกันและเรียกว่า “เนรคุณ” ใช่หรือไม่ เพียงเพราะต้องการผลประโยชน์ส่วนตัวที่รับใช้กลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามและในด้านการเมืองหรือเปล่า” นายสุชาติ ระบุ

ใครจะไปทำร้ายได้ส.จ.เปี๊ยกลูกน้องเพียบ

นายสุชาติ กล่าวอีกว่า หากถ้ามีการทำร้ายร่างกาย หรือต่อว่าหยาบคายใส่ ส.จ.เปี๊ยก จริง คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเวลา ส.จ.เปี๊ยก ลงพื้นที่ รวมทั้งไปร่วมงานนี้ ก็จะมีลูกน้องที่มีลักษณะคล้ายพวกมือปืน ขับรถติดตามอีก 3-4 คัน และขณะเกิดเหตุก็ลูกน้อง ส.จ.เปี๊ยก ก็ยืนเฝ้าคอยระวังให้ ส.จ.เปี๊ยก อยู่ตลอด จึงยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการทำร้ายร่างกาย และข่มขู่ตามที่ ส.จ.เปี๊ยก กล่าวหา

อยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ด้วยว่า ช่วงนี้ใกล้ถึงการเลือกตั้งใหญ่ ควรจะเข้มงวดกวดขันตรวจตราอาวุธปืน และอาวุธสงคราม ตลอดจนตรวจสอบประวัติมือปืนต่างๆ ให้เป็นตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ด้วย” นายสุชาติ กล่าว.

ต่อมา นายวรรณา หรือ ส.จ.เปี๊ยก โต้กลับว่า “ผมจะแจ้งความเท็จได้อย่างไร เมื่อเขาเดินเข้ามาตบกระบาลผมต่อหน้า ที่มีคนเห็นจำนวนมาก”

ให้แค่แสนเดียว จะทวงบุญคุณอะไร 

นายวรรณา กล่าวว่า ทั้งนักการเมืองท้องถิ่นที่นั่งอยู่ใกล้ๆ และผู้ที่นั่งอยู่แถวหลังที่มีทั้ง ส.อบต. สารวัตรกำนัน และที่ปรึกษานายก อบจ.ฉะเชิงเทรานั้น ล้วนพร้อมที่จะเป็นพยานให้แก่ตนหลายคน ก็ให้เขาลงข่าวไปก่อนเพราะเดี๋ยวตนจะทำรายละเอียดเป็นคลิบวิดีโอออกมาเปิดเผย

“ส่วนที่เขาออกมาลงเป็นข่าวนั้นไม่ค่อยจะตรงนะ และกล่าวหาว่าผมเนรคุณ ผมเนรคุณตรงไหน คุณรู้ไหมผมโดนยิงเพราะปกป้องตระกูลนี้ ผมเป็นหัวหอกในพื้นที่ อ.บางคล้า และ อ.คลองเขื่อน จนไม่มีใครมาชนะได้ เขาจึงอยากจะล้มผมให้ได้ จึงมีคนมายิงผม ส่วนเขาเองนั้นช่วยอะไรผมเท่าไหร่ เมื่อครั้งลูกของผมบวชได้มีนายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ (นายกไก่) นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา คนปัจจุบันมางาน เมื่อเขาเห็นนายกไก่ ซึ่งตอนนั้นอยู่กันคนละฝั่งเขาจึงรู้สึกว่าเหมือนไม่พอใจ ผมจึงบอกว่าผมรู้จัก เขามางานเพราะให้เกียรติมาบวชลูกกัน โดยตนแจกการ์ดจัดงานเลี้ยงเกือบ 300 โต๊ะ โดยที่ไม่ได้เก็บเงินเป็นการจัดเลี้ยงฟรีซึ่งเป็นโต๊ะจีน เขาช่วยมา 1 แสนบาท แต่งานใช้เงินจัดไปเกือบ 1 ล้านบาทแล้วจะมาทวงอะไรกัน” นายวรรณากล่าว

นายวรรณา กล่าวว่า ที่พูดว่า ไอ้คนเนรคุณนี่ใคร ตนเอาชีวิตเข้าแลกให้ เป็นคนเนรคุณหรือ แล้วอยู่ดีๆ มาตบกระบาลตนต่อหน้าคน ชี้หน้าด่าตน แล้วบอกว่ามาหยอก หยอกอะไรแล้วเคยหยอกอย่างนี้หรือ ที่ผ่านมาอย่างมากที่เดินอยู่ด้วยกัน ก็แค่เกาะบ่า เรื่องมาตบแล้วชี้หน้าด่าไม่มี มาชี้หน้าด่าว่า มึงชอบด่ากูลับหลังไอ้เหี้xxx เปี๊ยก แล้วสะบัดมือ 2 ครั้ง เมื่อตนถามว่าด่าเมื่อไหร่ ทำไมถึงไม่ตอบตน อยู่ดีๆ จะมาทำให้ตนอับอายคนกลางงาน มาแสดงอย่างนี้ มาใช้อำนาจอย่างนี้ มันไม่ถูก

ด้านชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด เพิ่งดูข่าวแค่ตอนเช้า และยังไม่ได้พูดคุยกับนายสุชาติ แต่จะมีการพบกันวันพุธนี้ (30 พฤศจิกายน) เพื่อประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ ขออย่าเพิ่งวิจารณ์ เนื่องจากยังไม่ทราบข้อเท็จจริง  ส่วนจะมีการตั้งคณะกรรมการจริยธรรมสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอให้มีคนร้องเข้ามาก่อน ซึ่งเวลา 13.30 น.วันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการจริยธรรมตามปกติ

อันนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงเลย ไม่ขอพูดถึงวิจารณ์อะไรทั้งนั้น ไม่ไปวิจารณ์ เพราะผมก็เพิ่งฟังจากข่าว” นายชวนกล่าว

สุชาติผู้เคยสอนมวยประยุทธ์ 

ในทางการเมือง มีการคาดการณ์กันมาหลายเดือนแล้ว สุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา จะอำลาพลังประชารัฐ ไปอยู่เพื่อไทย ขณะที่ตระกูล ศิริลัทธยากร อยู่กับพล.อ.ประวิตร เช่นเคย ส่วนตระกูล เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 จะไปกับเสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น ที่คาดว่าจะไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ กับพล.อ.ประยุทธ์

แน่นอน นายวรรณา รอดพิทักษ์ หรือรองเปี๊ยก หรือ ส.จ.เปี๊ยก อายุ 69 ปี รองนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ปัจจุบันเป็นคนสนิทของตระกูล เป้าเปี่ยมทรัพย์  ก็จะกลายเป็นแขนขาที่ดีในเชิงพื้นที่ของ เสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น และพรรครวมไทยสร้างชาติ ในอนาคตได้อย่างดี

สำหรับ  สุชาติ ตันเจริญ  ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหญ่ในพื้นที่ เคยแม้แต่สอนมวยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาแล้ว ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ตั้งกระทู้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการะทรวงกลาโหม ถึงแนวทางจัดการปัญหาเศรษฐกิจค่าครองชีพ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ตอบ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ตอบกระทู้แทน แต่นายสันติ ติดภารกิจ จึงไม่สามารถเดินทางมาตอบกระทู้ของนายพิธาได้

ทำให้ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ควบคุมประธานการประชุม ถึงกับพูดท้วงติงปัญหาไปยังคณะรัฐมนตรีแล้วหลายครั้ง ว่าอย่าสักแต่จะมอบหมาย แต่จะต้องถามผู้รับมอบหมายด้วยว่าพร้อมที่จะมาตอบหรือไม่ จึงฝากให้นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กำลังรอตอบกระทู้ถามเรื่องที่ดินทำกิน ไปแจ้งนายกรัฐมนตรี และเตือนกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยว่า ให้มาตอบกระทู้ถามของ สส. เพื่อให้เกียรติสภาด้วย

หากติดภารกิจ ก็จะต้องมีบุคคลที่สามารถมาตอบแทนได้ เช่น รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง หรือรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับกระทรวงนั้นๆ โดยการมอบหมาย อย่าสั่งเหมือนทหาร ไม่ใช่สั่งไปแล้วก็จบกัน แต่ต้องสั่งกันแบบนักการเมือง สอบถามกันก่อนว่าว่างหรือไม่ เพราะถ้ามอบหมายแล้วไม่มีคนมาตอบ ไม่เรียกว่ามอบหมาย แต่เรียกว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อสภา” นายสุชาติ กล่าว