APEC 2022 ไทยได้ประโยชน์น้อยมาก ? ไม่คุ้มกับที่ลงทุน ดูแลต่างชาติดี แต่ทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง ?

“สรัสนันท์” ชี้ การประชุมเอเปค ไม่คุ้มกับที่ลงทุน ไทยได้ประโยชน์นเอยมาก

น.ส. สรัสนันท์ อรรณนพพร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ขอนแก่น และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการประชุมเอเปคโดยประเทศไทยครั้งนี้เป็นที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับครั้งก่อนที่ประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพ การจัดประชุมครั้งนี้พลเอกประยุทธทุ่มงบประมาณไปกว่า 3280 ล้านบาท แต่ไม่ได้อะไรกลับมาอย่างเป็นรูปธรรมแม้แต่อย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นบทสรุปของสาระการประชุม หรือ การประชาสัมพันธ์โปรโมทประเทศอย่างคุ้มค่า โอกาสการสื่อสารความประเทศไทยที่น่าสนใจ ที่จะต่อยอดการท่องเที่ยวได้ทำได้ไม่ดี เป็นการประชุมที่แพงแต่ไม่ได้เป็นรูปธรรม อีกทั้งยังมีภาพความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมชุมโดยเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธเกินกว่าเหตุ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากมาย

บทสรุปของการประชุมเอเปค2022ครั้งนี้ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ประเทศไทยได้ชูประเด็นโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio- Circular Green economy) – เป็น “Bangkok Goals” หรือ “เป้าหมายกรุงเทพ” ซึ่งสาระล้วนทับซ้อนกับพันธกิจของ COP27 สาระไม่ต่างอะไรจากการประชุมอนุสัญญาประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงโลกร้อนมากนัก ที่สำคัญประเทศไทยที่ชูเรื่องนี้มาเป็นเป้าหมายสำคัญ กลับยังไม่มีแผนใดๆตอบรับกับ โมเดล BCG เลย เมื่อดูวิธีการการจัดทำงบประมาณของปี 66 หน่วยงานรับงบประมาณ ข้าราชการต่างๆยังไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร ซึ่งแผนงานการจัดงบก็เป็นไปในรูปแบบเดิมๆ

ประเทศไทยโดย พลเอกประยุทธ์ ในฐานะเจ้าภาพมีความพยายามที่จะหยิบแนวคิดเดิมๆ คือ การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจเอเปค หรือ การตกลงการค้าเสรีในเขตเศรษฐกิจเอเปค หรือ FTAAP ซึ่งตามหลักความเป็นจริง แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะแต่ละเขตเศรษฐกิจมีการตกลงทวีภาคีอยู่แล้ว ไม่ก็พหุภาคีระดับภูมิภาคนั้น ฉะนั้นความตั้งใจจะลุล่วงข้อตกลงนี้ถือว่าไม่น่าสนใจ ดูดีเฉยๆแต่หากว่าเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ

ฉะนั้นสาระสำคัญของการประชุมเอเปค2022นี้ ถือว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ “สวยแต่รูป จูบไม่หอม” สื่อต่างชาติพูดถึงเอเปค2022น้อยมาก เมื่อเทียบกับประชุม G20 ที่ประเทศอินนีเซีย หรือ การประชุม ASEAN ที่กัมพูชา ที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน
เขตเศรษฐกิจเอเปคถือว่ามีความสำคัญกับประเทศไทยมาก เพราะการค้าของไทยกว่า 70% ของประเทศไทยอยู่ในเขตเศรษฐกิจนี้ เราหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ไทยจะได้กลับอะไรมาเพิ่มเติม สามารถยกเรื่องต่างๆมาเจรจาได้ แต่เราเสียโอกาสครั้งนี้ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะไม่เห็นผลรับอย่างเป็นรูปธรรมใดๆ นอกจากเป็นเจ้าภาพนั่งร้านจัดงานประชุมเพียงเท่านั้น

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้หยิบฉวยโอกาสครั้งนี้ต่อยอดให้การท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ประเทศไทยที่เป็นเจ้าภาพไม่สามารถเพิ่มมูลค่าการโปรโมทประเทศสู่สาธารณชนชาวโลกได้ การท่องเที่ยวไม่ได้รับอานิสงค์จากการประชุมครั้งนี้อย่างเต็มที่ รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดปลีกย่อยที่มีมูลค่ามหาสาร ถ้าเปรียบเทียบกับการที่ประเทศเราเป็นเจ้าภาพภายใต้รัฐบาล ท่านนายกทักษิณ ชินวัตร ที่หยิบยกเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยถ่ายทอดผ่านการประชุมสุดยอดผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นนำผ้าไหมไทยมาตัดเย็บให้ผู้นำได้สวมใส่และร่วมถ่ายภาพหมู่ หรือการจัดขบวนพระยุหยาตราทางชลมารค ที่หาดูไม่ได้จากที่ไหน ถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมไทยไปทั่วโลก หรือการพาคณะผู้นำประเทศไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ภาพเหล่านี้ ประเมินมูลค่าเพิ่มที่สร้างให้ประเทศไม่ได้เลย แต่สิ่งเล่านี้เราหาไม่ได้จากการเป็นเจ้าภาพในปีนี้เลย

นอกจากภาพการประชุม หรือการให้การรับรองผู้นำต่างๆนี้แล้ว สิ่งที่ได้ถูกเผยแพร่ออกไปและเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากสื่อต่างชาติเป็นอย่างมากคือ ภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นจาก คฝ.ปะทะกับกลุ่มผู้ชุมชุมที่เกินกว่าเหตุ ถึงขั้นใช้กระสุนยางทำร้ายประชาชนได้รับบาดเจ็บอย่างหนักหลายราย รวมไปถึงผู้สื่อข่าว ภาพเหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนถึงรัฐบาลที่ไม่เห็นหัวของประชาชน ดีแต่สร้างภาพกับต่างชาติ ในขณะเดียวกันปฎิบัติกับประชาชนประเทศตัวเองเยี่ยงมนุษย์ที่ไร้ค่าไร้ศักดิ์ศรี รัฐบาลภายใต้พลเอกประยุทธ์ไม่เคยให้เกียรติ หรือ สิทธิเสรีภาพกับประชาชน ใช้ความรุนแรงกับประชาชนในทุกๆกรณีทั้งที่เป็นสิทธิของประชาชน

“จุฑาพร” ติง เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้น้อยเทียบกับอาเซียน ชี้ ประชุม APEC ดูแลชาวต่างชาติดี แต่กลับทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง

จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต บางรัก สาทร ปทุมวัน และ โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวได้ 4.5% ซึ่งทำให้ 9 เดือนแรกของปีนี้ไทยขยายตัวได้ 3.1% แม้เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวแต่ยังขยายตัวต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนใน 9 เดือนที่ผ่านมา เช่น มาเลเซียขยายได้ 9.36% เวียดนาม 8.8% ฟิลิปปินส์ 7.76% และอินโดนิเซีย 5.39% แม้กระทั่งประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสิงคโปร์ยังขยายได้ถึง 4.2% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่าไทยขยายตัวได้ต่ำ ทั้งที่ประเทศอื่นในอาเซียนเศรษฐกิจดีกันหมด

การลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ในเขต บางรัก สาทร ปทุมวัน พบว่า ประชาชนเดือดร้อนหนักมาก จากราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นมาก ทำให้ต้นทุนในการประกอบธุรกิจ และค่าครองชีพสูงมากในแต่ละวัน ภาระหนี้สิ้นรุมเร้า หลายท่านกล่าวทั้งน้ำตา และสิ้นหวังในการใช้ชีวิต พ่อค้าแม่ค้าโอดขาดรายได้ จากการที่ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC ที่ผ่านมา เพราะหลายพื้นที่โดนสั่งห้ามขายของ ในการประชุม APEC หมดเงินงบประมาณไปจำนวนมหาศาล แต่ประชาชนไทยกลับได้รับประโยชน์น้อยกว่าที่ควรจะเป็น บทบาทการเป็นผู้นำอาเซียนของนายกรัฐมนตรีไม่โดดเด่น ในขณะที่ครั้งนี้ ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซียที่เป็นเจ้าภาพจัด G 20 ที่บาหลี ที่ปรากฏภาพ ประธานาธิบดีไบเดน จับมือกับ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง กระจายออกไปทั่วโลก ทำให้การประชุม APEC ในไทยดูด้อยกว่า โดยประธานาธิบดีไบเดนไม่ได้มา และ ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียที่บอกว่าจะมาก็ไม่ได้มาเช่นกัน และยังถูกเยาะเย้ยวิจารณ์จนเป็นเรื่องตลกขบขันเป็นวงกว้างจากการสะกดป้ายต้อนรับภาษาอังกฤษผิด

นอกจากนี้ปัญหาที่แย่หนักคือ การดูแลผู้นำจากทั่วโลกอย่างดี อาหารเริ่ดหรูหลากหลาย แต่กลับใช้ความรุนแรงกับคนไทยด้วยกันเอง โดยเฉพาะต่อผู้ชุมนุม ซึ่งทำให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุมทำให้ผู้ชุมนุมถึงกับตาบอด ซึ่งเป็นการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ และถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรง อีกทั้งสื่อมวลชนจำนวนมากก็ได้รับบาดเจ็บในการสลายการชุมนุมครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่เป็นลบ ตอกย้ำกับรัฐบาลที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากเผด็จการ ทั้งที่หากไปดูประเทศที่เจริญแล้วอื่นๆ เวลามีการจัดประชุมนานาชาติ ก็มักจะมีการชุมนุมประท้วงแสดงความเห็นอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ รัฐบาลไม่ควรใช้ความรุนแรงถึงขนาดนี้

เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความผันผวน และสถานการณ์โควิดที่อาจกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง ส่งผลให้รัฐบาลยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในอนาคตอย่างใกล้ชิด การประชุมนานาชาติที่สำคัญ กว่าประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพก็แสนยาก แต่พอเป็นเจ้าภาพแล้วกลับไม่สามารถที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศไทยได้อย่างเต็มที่ แถมยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนกับผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนอีกด้วย เลยทำให้การประชุม เอเปก จึงกลายเป็น เอ – แป๊ก เพราะแป๊ก เกิดประโยชน์น้อยกว่าที่ควร ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนและลงแรงเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้