ม็อบต้าน APEC : กลุ่มราษฎรลั่นปักหลักค้างคืนลานคนเมือง / ‘โรม’ ฉะ รัฐบาลบุกจับ นศ.มุสลิม

ประชาชนทยอยมาร่วมชุมนุมกลุ่มราษฎร น้องมายด์ เผยพี่น้องมาจากต่างจังหวัด ต้องได้ค้างแน่ ยัน ลานคนเมือง คือที่สาธารณะ ประชาชนมีสิทธิใช้ เชื่อไม่น่าจะมีมือที่ 3

เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2565 ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า กลุ่มราษฎรและเครือข่ายนัดชุมนุมในกิจกรรมราษฎรหยุด APEC 2022 ในเวลา 17.00 น. เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดการประชุมเอเปคที่จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมกิจกรรมและกระจายตามบริเวณต่างๆ เนื่องจากมีฝนตกทำให้พื้นที่การชุมนุมเปียกและมีน้ำท่วมขังบางจุด ผู้ชุมนุมจึงกระจายไปหลบฝนตามเต็นท์ที่ตั้งไว้รอบพื้นที่ลานคนเมือง รวมถึงมีจุดกองอำนวยการตั้งอยู่ด้วย

ทั้งนี้ มีการจัดตั้งเวทีพร้อมไวนิลขนาดใหญ่ ระบุข้อความว่า “ราษฎรหยุด APEC 2022 Thailand” และเขียนป้ายผ้าด้วยสีดำและสีแดง มีข้อความต่างๆ อาทิ ไล่ประยุทธ์ และหยุด APEC ภายในเต็นท์ด้านข้างเวทีซึ่งหันหน้าเข้าสู่ศาลาว่าการกทม.

น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ แกนนำกลุ่มราษฎรหยุด APEC 2022 ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมช่วงวันที่ 16-18 พ.ย.นี้ ที่ลานคนเมืองว่า คืนนี้จะเป็นคืนแรกที่เราจะปักหลักค้างคืนที่นี่ และจะเปิดเวที เวลา 17.00 น. โดยจะนำเสนอประเด็นในเชิงพื้นที่ที่ชาวบ้านอยากจะนำเสนอด้วยตัวเอง

“เราจะค้างคืนกันที่นี่ สำหรับใครที่อยากจะมา อยากให้มาเตรียมตัว เตรียมของมาเลยก็ได้ ที่นี่มีอาหารกิน และมีเต๊นท์ให้นอนพักค้างคืนด้วย” น.ส.ภัสราวลีกล่าว

เมื่อถามว่ากทม.ไม่อนุญาตให้ค้างคืน ทางกลุ่มยืนยันที่จะปลักหลักอยู่หรือไม่ ทราบว่าจะมีผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดมาร่วมมีไม่ต่ำกว่า 500 คน มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างไร น.ส.ภัสราวลีกล่าวว่า แน่นอนว่าพี่น้องเดินทางมาจากต่างจังหวัด หากไม่ให้ค้างคืนก็คงไม่ได้ ถ้าไม่อนุญาตพักค้างแรม เราก็ไม่รู้ว่าจะให้พี่น้องไปนอนที่ไหน ซึ่งแต่ละคนไม่มีต้นทุนมากพอจะไปเช่าโรงแรมนอน

ฉะนั้น ในพื้นที่ต่างๆ ที่เป็นสาธารณะ ประชาชนอย่างเราควรมีสิทธิใช้พื้นที่ด้วย ไหนๆ พี่น้องก็มาแล้ว ต้องได้นอนที่นี่ เราจะดูแลความปลอดภัยให้ทุกคน ความสะดวก อาหารการกิน และที่พักให้

เมื่อถามว่ากังวลในส่วนของมือที่สามหรือไม่ น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า ค่อนข้างมั่นใจว่า ประเด็นที่เราจะนำมาชูในครั้งนี้ เป็นประเด็นปากท้องและทรัพยากรที่ชาวบ้านเจอโดยตรง ถ้าหากมองเหตุผลจริงๆ การปะทะไม่น่าจะเกิดขึ้น ดังนั้น คิดว่าการปะทะอาจไม่เกิดขึ้น เชื่อว่าทุกอย่างพูดคุยกันได้ ถ้าใครที่ไม่เห็นด้วย ลองมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน เราไม่ได้ปิดกั้นอะไร

ส่วนจะมีการเคลื่อนขบวนไปที่อื่นหรือไม่ น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า การเคลื่อนขบวนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ คงต้องประเมินอีกครั้งว่าจะเคลื่อนไปได้มากน้อยแค่ไหน หรือจะเคลื่อนหรือไม่ ถึงที่สุดแล้ว เราอยากส่งเสียง ส่งข้อเรียกร้องของเราให้ได้ใกล้กับกลุ่มผู้นำที่มาประชุมให้มากที่สุด

‘โรม’ ฉุน รัฐบาลบุกจับ นศ.มุสลิม หวั่นป่วนเอเปค ทำขายหน้าประชาคมโลกของจริง

ด้าน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่มีนักศึกษามุสลิมจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง 3 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้นที่พักก่อนควบคุมตัวไปที่ สน.หัวหมาก โดยทางตำรวจอ้างเหตุว่า อาจก่อความไม่สงบระหว่างการประชุมเอเปค ว่า การเข้าค้นดังกล่าวนั้นเจ้าหน้าที่อ้างว่ามีหมายค้น และทราบมาว่าสุดท้ายแล้วไม่พบสิ่งของที่เป็นความผิดหรือต้องสงสัยว่าจะไปก่อเหตุใดๆ การที่ตำรวจนำตัวนักศึกษาไปยัง สน.หัวหมากด้วยนั้น เป็นสิ่งที่เกินเลยกว่าเรื่องการค้นไปแล้ว เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการจับ ซึ่งไม่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ที่เข้าค้นนั้นมีหมายจับนักศึกษาทั้ง 3 คน

และทั้ง 3 คนนี้ก็ไม่เคยมีคดีความมั่นคงมาก่อน การที่จับกุมโดยที่ไม่มีหมายนั้น ต้องเป็นกรณีที่พบการกระทำความผิดซึ่งหน้าเท่านั้น ดังนั้น ขอให้ทางตำรวจชี้แจงด้วยว่าการนำตัวนักศึกษา 3 คนมาที่ สน. ด้วยนั้น อาศัยเหตุอะไร อาศัยอำนาจจากกฎหมายข้อไหน หรือว่าจริงๆ คือแค่เห็นว่าเป็นคนมุสลิมก็หาเรื่องจับแล้วโดยไม่ต้องมีมูลใดๆ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าถ้าทั้ง 3 คนยอมให้เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์แล้วจะปล่อยตัวนั้น อาศัยอำนาจจากกฎหมายข้อไหน เพราะถ้าไม่มีเหตุอันสมควรใดๆ ที่จะต้องควบคุมตัวไว้ ประชาชนย่อมต้องได้ปล่อยตัวออกมาทันที โดยไม่จำเป็นต้องยินยอมให้คนอื่นเข้าถึงข้อมูลใดๆ ของตัวเอง และตามข้อเท็จจริงแล้ว การที่ตำรวจสามารถยื่นข้อเสนอได้ง่ายๆ ว่าจะปล่อยตัวโดยแลกกับการให้เข้าถึงข้อมูลนั้นแสดงว่าตำรวจเองไม่จำเป็นที่จะต้องควบคุมตัวนักศึกษา 3 คน ตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่ การมาทำเช่นนี้ต่างอะไรจากการเอาประชาชนมาเป็นตัวประกัน ข่มขู่เพื่อล้วงข้อมูลคนคนนั้น

“พอเข้าใจว่า ช่วงประชุมเอเปคนั้น รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่อยากเสียหน้า เวลามีใครออกมาประท้วง แต่การให้ตำรวจไล่ล่าจับประชาชนแบบเลื่อนลอยด้วยข้ออ้างแค่ว่า กลัวจะไปก่อความไม่สงบ ยิ่งทำให้ประเทศไทยอับอายขายหน้าประชาคมโลกอย่างแท้จริง ดังนั้น จึงเสนอให้นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ภายในการประชุมครั้งถัดไป เพื่อพิจารณาหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำที่น่าเสื่อมเสียเช่นนี้จากเจ้าหน้าที่รัฐอีก” นายรังสิมันต์ กล่าว