ทรัมป์ประกาศ ลงชิงปธน.สหรัฐฯอีกครั้งในปี 2024 ลั่นนำอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศลงสู้ศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในปี 2024 โดยชูแนวคิดนำอเมริกา กลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

การประกาศตัวลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป เกิดขึ้นที่รีสอร์ท มาร์ อลาโก ซึ่งเป็นที่พักตากอากาศส่วนตัวของ ทรัมป์ ในรัฐฟลอริดาเมื่อช่วง 21.00 น. ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ หรือ 09.00 น.ตามเวลาประเทศไทย โดยทรัมป์ แสดงความมั่นใจว่า จะะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน ด้วยนโยบายที่จะนำสหรัฐฯกลับสู่ความรุ่งเรือง

ทรัมป์ ระบุว่าตลอด 4 ปี ที่ตนเองเห็นประธานาธิบดีได้ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความปลอดภัยในชีวิต

และทำให้ประเทศคู่แข่ง อย่างรัสเซีย จีนและ เกาหลีเหนือมีความเคารพยำเกรงสหรัฐฯ พร้อมวิจารณ์ว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารประเทศของ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ทำให้สหรัฐฯอยู่ในสภาวะถดถอย และประชาชนต้องเจ็บปวดจากปัญหาเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่แพงที่สุดในรอบหลายสิบปี
ส่วนความคืบหน้าการนับคะแนนกลางเทอม พรรครีพับลิกันกำลังจะสามารถครองที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เแล้ว หลังจากพรรครีพับลิกันได้ ส.ส.แล้ว 217 ที่นั่ง จากทั้งหมด 435 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงที่นั่งเดียวเพื่อครองสภาล่าง ขณะที่พรรคเดโมแครตได้ไปแล้ว 206 ที่นั่ง

ก่อนหน้านี้ พรรคเดโมแครตได้รับชัยชนะในการครองที่นั่งส่วนใหญ่ในวุฒิสภาไปแล้ว โดยได้ไป 50 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่ง ขณะที่พรรครีพับลิกันได้ไป 49 ที่นั่ง และต้องมีการเลือกตั้งชี้ขาดที่รัฐจอร์เจียอีก 1 ที่นั่งในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ซึ่งหากทั้งสองพรรคมีที่นั่งเท่ากันในวุฒิสภา รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต จะมีอำนาจชี้ขาดในการลงมติในสภาสูง

ขณะเดียวกัน มีโอกาสสูงที่ ส.ส.เควิน แมคคาร์ธีย์ จากพรรครีพับลิกัน จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คนใหม่แทน ส.ส.แนนซี เพโลซี จากพรรคเดโมแครต แม้ว่า สมาชิกสายอนุรักษ์นิยมของรีพับลิกันหลายคนออกมาตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของเขา ในฐานะที่ทำผลงานได้ไม่เป็นไปตามเป้าในการเลือกตั้งกลางเทอมที่ผ่านมา

ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า การแบ่งการครอบครองรัฐสภาของทั้งสองพรรคจะยิ่งทำให้เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะสามารถผ่านร่างกฎหมายใด ๆ ได้ในช่วงสองปีจากนี้ และอาจยิ่งทำให้เกิดความแบ่งขั้วทางการเมืองในอเมริกาอย่างชัดเจนขึ้น และแม้พรรครีพับลิกัน จะสามารถกลับมาครองสภาล่างได้ แต่การที่มีคะแนนเสียงเหนือ ส.ส.พรรคเดโมแครตเพียงปริ่มน้ำ ก็ยังคงสร้างความท้าทายให้กับบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันได้เช่นกัน ทั้งที่ในช่วงก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ พรรครีพับลิกันได้รับการคาดหมายว่าจะชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายจนเชื่อว่าจะเกิดปรากฎการณ์ กวาดที่นั่งในรัฐสภา เนื่องจากความนิยมที่เสื่อมถอยลงในตัวประธานาธิบดีไบเดน