เปิดตัว ‘LINE ALERT’ แจ้งเตือนภัยพิบัติร้ายแรง ลดผลกระทบ อำนวยความสะดวกปชช.

รัฐบาล เปิดตัว “LINE ALERT” แจ้งเตือนภัยพิบัติร้ายแรง ลดผลกระทบ อำนวยความสะดวกประชาชน เข้าถึงข้อมูล รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์

 

วันที่ 7 ต.ค. 65 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีแนวนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการและการเตือนภัยพิบัติของประเทศ

โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ได้บูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อพัฒนา LINE ALERT บัญชีทางการแจ้งเตือนภัยพิบัติร้ายแรง เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสื่อสารข้อมูลและแจ้งเตือนภัยพิบัติแก่ประชาชนอย่างกว้างขวาง รวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ สอดรับกับรูปแบบชีวิตในยุคดิจิทัล

นายอนุชา กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย และบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการสร้างสรรค์และให้บริการ LINE ALERT บัญชีทางการแจ้งเตือนภัยพิบัติร้ายแรงบนแพลตฟอร์ม LINE ซึ่งเป็นช่องทางในการสื่อสารและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้อย่างรวดเร็วและทันเหตุการณ์ รวมถึงบริการข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในด้านต่าง ๆ อาทิ เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน โรงพยาบาลใกล้เคียง พื้นที่เสี่ยง และแนวทางการป้องกันตัวเองจากภัยพิบัติ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยประชาชนที่สนใจ สามารถแอดไลน์ไอดี @linealert เพื่อรับข่าวมูลข่าวสาร และอัปเดตสถานการณ์ภัยพิบัติ

“นายกรัฐมนตรี ห่วงกังวลถึงการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ด้วยแนวคิดของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการสื่อสารถึงประชาชนในทุกช่องทาง ให้ทั่วถึงมากที่สุด เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารเตรียมพร้อม เฝ้าระวัง LINE ALERT จึงสามารถเป็นอีกช่องทางการแจ้งเตือนภัยพิบัติที่รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ และสอดรับกับวิถีชีวิตประชาชนในเมือง และในปัจจุบัน รวมทั้งสอดรับกับการก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐ ผ่านการยกระดับการให้บริการประชาชนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้างความมั่นใจแก่ประชาชน และช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนเป็นโอกาสต่อยอดไปสู่การแข่งขันด้านนวัตกรรมในภูมิภาคอีกด้วย” นายอนุชา กล่าว