ท่องเที่ยวฟื้น กกร. เพิ่มเป้าจีดีพีปี’65 โต 3.0-3.5% ลั่นปี’66 ไม่ต่ำกว่า 4%

อานิสงส์ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว กกร.เพิ่มเป้าหมายจีดีพีปี’65 โต 3.0-3.5% จากเดิม 2.75-3.5% ลั่นปี’66 ไม่ต่ำกว่า 4% จับตาแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและอาจกระทบการส่งออก แต่ยังขยายตัวได้ 7.0% ถึง 8.0% เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 6.0% ถึง 6.5%

 

วันที่ 5 ตุลาคม 2565 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยผลการประชุม กกร.ว่า ที่ประชุม กกร.มีมติปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัว 3.0-3.5% ขณะที่มูลค่าการส่งออกคาดว่ายังขยายตัวได้ในกรอบ 7-8% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 6.0-6.5% เพิ่มจากรอบก่อนเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ที่ประชุม กกร. คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 ซึ่งจะขยายตัวได้ในกรอบ 2.75-3.5% ขณะที่มูลค่าการส่งออกคาดว่ายังขยายตัวได้ในกรอบ 6-8% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 5.5-7.0%

“เศรษฐกิจไทยได้อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีกว่าคาด ปีก่อน 4 แสนคน ปีนี้พุ่งถึง 10 ล้านคน ปีหน้า คาดว่าจะถึง 20 ล้านคน ซึ่งยังไม่รวมจีน หากเปิดประเทศจะเข้ามาไม่ต่ำกว่า 6 แสนคน ปีหน้าจะไม่มีคำว่าเศรษฐกิจร่วงแล้ว คาดการณ์ว่าจีดีพีมีโอกาสเติบโตถึง 4% ได้”

อย่างไรก็ตาม จากการประเมินปัจจัยเศรษฐกิจโลกชะลอตัวชัดเจนมากกว่าที่คาด จากผลกระทบของสงครามและปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะปัญหาจากการโจมตีท่อส่งและการระงับส่งก๊าซของรัสเซีย ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อวิกฤตพลังงานและความเสี่ยงการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจจีนยังเผชิญข้อจำกัดจากปัญหาการขาดแคลนพลังงานและการล็อกดาวน์

ขณะที่สถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งเดินหน้าดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด สวนทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะ Fed ที่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยแรงต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกปรับตัวลดลง ซึ่งมีแนวโน้มทำให้ภาพอุปสงค์ของโลกมีการชะลอตัวลง”

ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มยืนอยู่ในระดับสูง แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลงอยู่ที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มยืนอยู่ในระดับสูง เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าปรับตัวสูงขึ้นจากเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศยังไม่สามารถลดลงได้มากนัก ขณะที่ค่าไฟฟ้ามีการปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย. รวมถึงการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ ล้วนเป็นปัจจัยกดดันต้นทุนของผู้ประกอบการที่จะต้องส่งผ่านไปยังราคาสินค้าและบริการต่อไป

ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับสูงขึ้นกว่าคาด โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 1.17 ล้านคน คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2565 มีโอกาสแตะระดับ 9-10 ล้านคน และคาดว่าไตรมาสสุดท้าย ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน ส่งผลดีต่อการจ้างงานและรายได้แรงงาน ส่งเสริมอุปสงค์ภายในประเทศให้ทยอยฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงต่อกำลังซื้อของครัวเรือน และความเสี่ยงต่อรายได้ภาคเกษตรจากภาวะน้ำท่วม

นายสนั่นกล่าวว่า กกร. ได้มีการหารือถึงประเด็นเร่งด่วนในการขับเคลื่อน Competitiveness เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมาโดดเด่นและแข่งขันหลังจากไทยถูกลดระดับมา 5 อันดับ จาก 28 มาเป็น อันดับที่ 33 ของโลก โดย กกร.จะมีการหารือกับภาคเอกชนโดยจะเชิญ CEO จากแต่ละกลุ่มธุรกิจหารือ ระดมสมอง ร่วมกัน เพื่อรับมือสถานการณ์เศรษฐกิจในปีหน้า พร้อมกับสร้างแนวทางความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเด็นที่เอกชนกังวลเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันเป็นเรื่องที่ต้องรีบเร่งในการแก้ไขโดยภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมมือกันในการแก้ไขกฎหมาย (กิโยติน) ที่เป็นอุปสรรคและเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการ อย่างจริงจังเพราะเรื่องนี้มีความสำคัญมากในสายตาของต่างชาติ

เกรียงไกร เธียรนุกุล
เกรียงไกร เธียรนุกุล

นอกจากนี้ ยังกังวลเรื่องต้นทุนพลังงานค่าไฟฟ้าของเราที่ปรับสูงขึ้นจากกระทบกับความสามารถในการแข่งขัน เพราะขณะนี้ค่าไฟฟ้าของเราแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และในเดือนนี้เรายังมีการปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ซึ่งกระทบกับต้นทุนของเอกชนด้วย

นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ประเด็นในเรื่องของการแก้ไขปัญหาเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันภาครัฐจะต้องร่วมทำงานกับเอกชนอย่างใกล้ชิดโดยต้องนำเอาซักตอร์ต่าง ๆ ที่มีผลกระทบกับความสามารถในการแข่งขันมาพิจารณาและแก้ไขกฎระเบียบที่ส่งผลต่อการลงทุนนอกจากนี้ยังต้องพัฒนาดิจิตอลอีโคโนมี่เพื่อให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็งมากขึ้น

พร้อมกันนี้ กกร. คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย และสมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามปฏิญญา (MOU) จัดการศึกษาในหลักสูตร Higher Education Sandbox เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565

กอบศักดิ์ ดวงดี
กอบศักดิ์ ดวงดี

โดยมีวัตถุประสงค์ผลิตบัณฑิตที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล ให้ตรงกับความต้องการและมีความสามารถในการทำงานในภาคอุตสาหกรรมได้จริง พัฒนากำลังคนและการสร้างความเป็นเลิศที่มีสมรรถนะสูงให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประเทศได้ และเพื่อตอบโจทย์การขาดแคลนแรงงานที่มีความสามารถในด้านนี้

สำหรับการเป็นเจ้าภาพ APEC ในช่วงปลายปีของประเทศไทย ภาคเอกชนพร้อมสนับสนุนรัฐบาลในการจัดประชุมให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งในส่วน กกร. ที่รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ABAC 2022 ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2565 และการประชุม APEC CEO Summit 2022 ระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 ณ Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok โดยยืนยันความพร้อมในทุกมิติ และจะมีการประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าให้รับทราบเป็นระยะต่อไป