‘กมธ.พัฒนาการเมือง’ เยือนเรือนจำ เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีการเมือง

‘กมธ.พัฒนาการเมือง’ เยือนเรือนจำ เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีการเมือง เผยทุกคนยังกำลังใจดี

 

วันที่ 5 ตุลาคม 2565 คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง เขตจตุจักร เพื่อดูมาตรการคุ้มครองสิทธิและการดูแลผู้ต้องขังคดีอาญา มาตรา 112 ตามหลักการของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน’

โดยคณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบของการใช้มาตรา 112 สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส. จ. นครปฐม ณัฐวุฒิ บัวประทุม เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง อาจารย์ด้านกฎหมายมหาชน ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เข้าเยี่ยมชมเรือนจำ เข้าพบนักโทษคดี 112 ที่ยังถูกคุมขังอยู่ เพื่อพูดคุย สอบถามกำลังใจและสภาพความเป็นอยู่ พร้อมตรวจสอบว่าได้รับการปฏิบัติตามสิทธิที่ผู้ต้องขังพึงจะได้ตามมาตรฐานสากลหรือไม่

เบญจา กล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นไปเพื่อคุ้มครองและดูแลสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องขัง คดี 112 คดีความมั่นคง คดีทางการเมือง ซึ่งมีการเดินทางทั้งหมด 2 วัน ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ วันที่ 4 ได้เดินทางไปยังเรือนจำธนบุรี เขตบางบอน พบกับ ศุภากร พินิจบุตร์ ผู้ต้องขังเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

ส่วนวันนี้ได้เดินทางมาเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางเป็นที่สุดท้าย เพื่อพบกับสมบัติ ทองย้อย ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างรอพิจารณาคดี รวมถึง พรชัย (แซม) และเยาวชนกลุ่มทะลุฟ้า ทะลุแก๊ส

เบญจา ระบุว่า ได้สอบถาม สมบัติ ทองย้อย ถึงชีวิตความเป็นอยู่ในเรือนจำและเรื่องสุขภาพ รวมถึงสถานการณ์ภายในและภายนอกเรือนจำ รวมถึงสิทธิเสรีภาพของ สมบัติ ในเรือนจำ

จากนั้นคณะฯ ได้เข้าเยี่ยม อัญชัญ ปรีเลิศ ซึ่งเป็นนักโทษเด็ดขาดในคดี 112 ดังนั้นเงื่อนไขในการเข้าเยี่ยมจึงจะมีความแตกต่าง ไม่เหมือนกับกรณีอื่นๆ อัญชัญ ได้สะท้อนให้เห็นว่า ขณะนี้ตนได้รับการดูแลในฐานะเป็นนักโทษสูงอายุ ซึ่งมีโรคประจำตัวที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ขวัญและกำลังใจค่อนข้างดี ได้รับการพิจารณาจัดลำดับชั้นอยู่ในนักโทษชั้นเยี่ยม จากโทษเดิมที่ต้องจำคุกทั้งสิ้น 40 กว่าปี จะลดลงมาเหลืออยู่ 10 ปีเศษ ซึ่งต้องดูเงื่อนไขในทางกฎหมายต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร

ด้านณัฐวุฒิ เผยว่า สำหรับผู้มาเข้าเยี่ยมในวันนี้นอกเหนือจากคณะอนุกรรมาธิการ ที่มาในนามสถานแทนราษฎร ยังมีผู้แทนจาก แอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนล ประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อเยี่ยมผู้ต้องขังว่าเป็นอย่างไร และได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสมหรือไม่ มีเงื่อนไขหรือปัจจัยที่แตกต่างจากกรณีอื่นๆ หรือไม่ จากนั้นจะนำข้อมูลที่ได้ใน 2 วันนี้ เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ เพื่อจัดทำเป็นรายงานต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการสนทนากับ สมบัติ นั้น น.ส.เบญจา ได้หยิบยกบทกวีที่นายแซม พรชัย ได้เคยกล่าวให้ผู้ต้องหาคดี 112 ทุกครั้ง ในกิจกรรม “ยืนหยุดขัง” มากล่าวให้นายสมบัติ ทองย้อย ฟัง โดยมีใจความดังนี้

แต่คนที่ผิดหวังแล้วยังสู้ ก็คือผู้ที่โลกพร้อมจะยอมให้
ไม่ใช่คนแปลกประหลาดประการใด และมิใช่มีแต่กลุ้มสุมกมล
จริงอยู่ว่าบางครั้งยังเหว่หว้า จริงอยู่หลั่งน้ำตามาหลายหน
แต่ไม่จริงที่ว่าประชาชน จะมีเพียงสองคนบนดวงดาว

และก่อนที่จะร่ำลาเพื่อเดินทางต่อไปยังฑัณทสถานหญิง ยังได้หยิบยกบทกวีอีกหนึ่งบทมากล่าวเป็นกำลังใจให้ผู้ต้องหาทางการเมืองทั้ง 5 คนได้ฟัง

“แต่เธอไม่ได้ เดียวดายใต้ฟ้ากว้าง
และฟ้าไม่ได้อ้างว้างอย่างเธอเห็น
หากเธอเลือกเส้นทางอย่างที่เป็น
เธอจะเห็นว่าผองเพื่อนก็เคลื่อนพล
และเธอจะเห็นว่าผองเพื่อนยังเคลื่อนพล ”

สำหรับหารเข้าพบผู้ต้องขังการเมืองในวันนี้ภาพรวมทุกคนกำลังใจดี โดยตัวแทนจากพรรคก้าวไกล ทุกคนยืนยันว่าการแสดงออกภายตามสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่ควรมีใครถูกคุมขังและยืนยันจะเคียงข้างและต่อสู้เพื่อทุกคนที่ไม่ได้ความเป็นธรรมต่อไป