ธนาคารโลก ชี้กลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก-เอเชียกลาง โตลดลงในปี 2566 รัสเซียตัดส่งก๊าซทำอียูถดถอย

วันที่ 4 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา รอยเตอร์สรายงานว่า ธนาคาร ได้ออกมาประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปีหน้า (2566) ว่า กลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออกและเอเชียกลางจะมีอัตราการเจริญเติบโตที่ลดลง โดยคาดการณ์จีดีพีรวมในปีนี้อยู่ราว 0.2% และโตขึ้น 0.3% ในปีหน้า อันเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากรัสเซียก่อสงครามรุกรานยูเครน

การคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2565 แสดงถึงพัฒนาการที่ชัดเจนจากการคาดการณ์ของธนาคารโลกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า จะมีการหดตัวของจีดีพีอยู่ที่ 2.9%% สำหรับประเทศยุโรปตะวันออก ซึ่งรวมถึงยูเครน โปแลนด์ รัสเซีย ตุรกี และประเทศโดยรอบ สะท้อนให้เห็นความยืดหยุ่นและการเติบโตที่ดีเกินคาดในบางประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ควบคู่ไปกับการขยายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในยุคโรคระบาดใหญ่ในบางประเทศ

ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจยูเครนจะหดตัว 35% ในปี 2565 ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์การหดตัว 45% เมื่อต้นปี แต่เศรษฐกิจโดยรวมของยูเครน “มีรอยแผลเป็น” จากการที่กองทัพรัสเซียทำลายกำลังการผลิต ความเสียหายต่อที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และการจัดหาแรงงานที่ลดลงด้วย จากประชากรที่ต้องพลัดถิ่นหนีภัยสงครามถึง 14 ล้านคน

อันนา จาร์เด รองประธานประจำภูมิภาคยุโรปและเอเชียกลางของธนาคารโลกระบุว่า ยูเครนยังคงต้องการการสนับสนุนทางการเงินอย่างมหาศาล ขณะที่สงครามยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีความจำเป็น เช่นเดียวกับโครงการฟื้นฟูและบูรณะที่สามารถเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว โดยตามการประมาณการล่าสุดของธนาคารโลก ยูเครนความต้องการการฟื้นตัวและการฟื้นฟูในภาคส่วนทางสังคม การผลิต และโครงสร้างพื้นฐาน มีมูลค่ารวมอย่างน้อย 349 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าขนาดของจีดีพีในปี 2564 ถึง 1.5 เท่า

ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจของรัสเซีย ธนาคารโลกคาดว่าจะหดตัว 4.5% ในปี 2565 เมื่อเทียบกับการหดตัว 8.9% ในเดือนมิถุนายน โดยกล่าวว่าเศรษฐกิจของรัสเซียคาดว่าจะหดตัว 3.6% ในปี 2566

ส่วนตุรเคีย คาดว่าจะเติบโต 4.7% ในปี 2565 เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.3% ในเดือนมิถุนายน โดยปัจจุบันคาดการณ์ว่าการเติบโตในปี 2566 ที่ 2.7%

นอกจากนี้ ธนาคารโลกกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในยุโรปและเอเชียกลางว่า อยู่ภายใต้ “ความไม่แน่นอนอย่างมาก” ด้วยสงครามที่ยืดเยื้อหรือรุนแรงขึ้นซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายทางกายภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและการกระจายตัวของการค้าและการลงทุน ความเสี่ยงจากความเครียดทางการเงินยังคงเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากระดับหนี้และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ ธนาคารโลกยังระบุหมายเหตุแยก เกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตพลังงานโลกว่า การตัดจ่ายพลังงานไปยังสหภาพยุโรปที่ขยายออกไปอาจก่อให้เกิดภาวะถดถอยสำหรับประเทศในยุโรปและเอเชียกลาง โดยผลผลิตโดยรวมหดตัว 1.2% ผลกระทบจะมีมากขึ้นในประเทศที่พึ่งพาก๊าซธรรมชาติของรัสเซียมากขึ้นและน้อยลงในประเทศที่เข้าถึงแหล่งก๊าซทางเลือกหรือการผลิตพลังงานในประเทศมากขึ้น