เฮติพบผู้เสียชีวิตจากอหิวาตกโรค ครั้งแรกรอบ 3 ปี

เฮติพบผู้เสียชีวิตจากอหิวาตกโรค ครั้งแรกรอบ 3 ปี

 

รัฐบาลเฮติประกาศว่าพบผู้เสียชีวิตจากอหิวาตกโรคอย่างน้อย 8 รายเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และย้อนรำลึกถึงความทรงจำของโรคที่เคยคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 10,000 คนในทศวรรษที่ผ่านมา

ผู้ติดเชื้ออหิวาตกโรครายแรกในรอบ 3 ปีของเฮติ เกิดขึ้นในชุมชนที่อยู่ทางใต้ของกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ และในชุมชนแออัดริมทะเลซึ่งมีผู้คนหลายพันคนอาศัยอยู่ในสภาพคับแคบและไม่ถูกสุขอนามัย

ลอเร เอเดรียน ผู้อำนวยการทั่วไปของกระทรวงสาธารณสุขเฮติออกมาเตือนว่า อหิวาตกโรคเป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมาก ขณะที่อาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนด้วยเชื้ออหิวาตกโรคอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรงและขาดน้ำซึ่งทำให้เสียชีวิตได้

ด้านองค์การสหประชาชาติได้ระบุในแถลงการณ์ว่า กำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลเฮติ เพื่อตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินของการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้น โดยเน้นว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำเป็นต้องได้รับการรับประกันว่าจะสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่มีรายงานผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย

ปัจจุบันเฮติยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นเนื่องจากไม่มีเชื้อเพลิงใช้และยังมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้การให้บริการขั้นพื้นฐานทั่วประเทศต้องยุติลง รวมถึงการรักษาพยาบาลและน้ำสะอาด ที่เป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับอหิวาตกโรค และทำให้ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้

ด้านอเล็กซ์ ลาร์เซน รัฐมนตรีสาธารณสุขเฮติ กล่าวว่า ประชาชนมีสิทธิที่จะประท้วงแต่ขอให้ชาวเฮติอนุญาตให้มีการส่งน้ำดื่มเข้าไปยังพื้นที่ใกล้เคียงที่ถูกตัดขาดเนื่องจากการกีดขวางบนท้องถนนและการประท้วง เพราะเมื่อผู้คนไม่ได้ดื่มน้ำที่ผ่านการบำบัด อาจทำให้การแพร่ระบาดของอหิวาตกโรคเพิ่มขึ้นอีก

การระบาดของอหิวาตกโรคครั้งสุดท้ายในเฮติทำให้มีผู้ป่วยมากกว่า 850,000 คนในประเทศที่มีประชากรราว 11,000,000 คนซึ่งถือเป็นการแพร่ระบาดของโรคที่มีความร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่งที่สามารถป้องกันได้

กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติจากเนปาลถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของอหิวาตกโรคในเฮติเมื่อเดือนตุลาคม 2010 ผ่านสิ่งปฏิกูลที่ตกลงในแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ขณะที่เฮติได้รับการประกาศให้เป็นประเทศที่ปลอดอหิวาตกโรคโดยองค์การอนามัยโลก หลังไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ปีติดต่อกัน กระทั่งมีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวอีกครั้งในคราวนี้