เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ.2567
หน้าแรก ข่าวเด่น บก.ลายจุดจัด ...

บก.ลายจุดจัด 2 หมื่นชิ้น ระดมติดสติ๊กเกอร์ไล่ประยุทธ์ย่านสยาม ‘จ่านิว’ ชี้ ม็อบไม่ใหญ่ แต่ไม่หยุด

บก.ลายจุดจัด 2 หมื่นชิ้น ระดมแปะสติ๊กเกอร์สร้างวอลเปเปอร์ #ไล่ประยุทธ์ จากสกาลาถึงสกายวอล์ก ‘จ่านิว’ เผย กิจกรรมเล็กๆ แสดงจุดยืนได้ แม้ไม่มีม็อบใหญ่ ลั่น ประชาชน-ผู้มีอำนาจ แค่นับปีก็ไม่เหมือนกันแล้ว

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2565 ที่บริเวณทางเท้าหน้าโรงภาพยนตร์สกาลา กรุงเทพฯ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด จัดกิจกรรม Flash mob ‘วันอาทิตย์สีดำ’ โดยนัดหมายเวลา 13.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเวลา 12.39 น. มีประชาชนบางส่วนสวมเสื้อสีดำมายืนรออยู่ที่บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์สกาลา โดยนายสมบัติได้เดินทางมาถึงพร้อมเตรียมตัวจัดกิจกรรม

เวลา 12.47 น. มีการตั้งโต๊ะจัดเตรียมสติ๊กเกอร์คำว่า #ไล่ประยุทธ์ ระหว่างนั้นมีรถสามล้อรับจ้างขับผ่านมาบริเวณพื้นที่ทำกิจกรรม คนขับได้หันมาพูดว่า ‘อยู่ทำไมอีก 3 ปี แค่นี้ก็ปวดหัวจะตาย…อยู่แล้ว’

ต่อมาเวลา 12.50 น. นายสมบัติได้นำสติ๊กเกอร์คำว่า #ไล่ประยุทธ์ ติดบนกำแพงสังกะสีหน้าโรงภาพยนตร์สกาลา นายสมบัติกล่าวว่าตนทำการติดเป็นแนวทางให้ก่อน อยากให้กำแพงนี้กลายเป็นวอลเปเปอร์ #ไล่ประยุทธ์ จากนั้น แจกสติ๊กเกอร์ให้กับอาสาสมัครที่มาร่วมกิจกรรม

โดยวอลเปเปอร์สติ๊กเกอร์ #ไล่ประยุทธ์ ที่ประชาชนมาร่วมติด เริ่มต้นตั้งแต่กำแพงสังกะสีฝั่งตรงข้ามสยามดิสคัฟเวอรี่ไปจนถึงทางขึ้นสกายวอล์กแยกปทุมวัน

เมื่อเวลา 14.00 น. ภายหลังจบกิจกรรม นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งได้มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ ให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ว่า วันนี้เป็นกิจกรรมที่ผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการทำมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าช่วงนี้อาจจะยังไม่มีการชุมนุมใหญ่ แต่กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เป็นสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด แสดงให้เห็นว่าเราไม่เห็นด้วยและไม่เห็นชอบกับการดำรงอยู่ของรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากการรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ประชาชนจะยืนหยัดว่าจะแสดงออกถึงสิ่งที่คิดและอ่าน เราไม่ได้บอกว่าเราจะยอมกับการที่จะตีความกฎหมายอย่างไรก็ได้ เราจะปล่อยให้กฎหมายตีความตามพวกหรือตีความตามค่าของคนอยู่ที่คนของใครไม่ได้

นายสิรวิชญ์กล่าวว่า การลาออกก่อนที่จะมีวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับบ้านเมือง และเป็นการรักษาบรรทัดฐานทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้น ตอกย้ำว่าแม้กระทั่งสิ่งที่เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร กลับกลายเป็นว่า ประชาชนกับผู้มีอำนาจคิดไม่เหมือนกัน แค่นับเลข ก็นับจำนวนปี ไม่เหมือนกันแล้ว

“อย่างน้อยวันนี้เราก็มายืนยันแล้วว่าเราต้องการที่จะรักษาหลักการ ถึงแม้ว่าผู้มีอำนาจในการตีความกฎหมายสูงสุดของประเทศจะตีความเอื้อประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจ แต่เราก็ยืนยันแล้วว่าเรา ไม่ต้องการให้เกิดสภาพการณ์อย่างนั้น เราต้องการยืนยันว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายคือเจตนารมณ์ของกฎหมาย และเราก็ยืนยันแต่แรกว่าการสืบทอดอำนาจตั้งแต่การรัฐประหารมาไม่ถูกต้องชอบธรรมมาโดยตลอดอยู่แล้ว” นายสิรวิชญ์กล่าว