“สุพันธุ์ ชี้ รัฐบาลไร้น้ำยาดึง ‘ไบเดน’ ร่วมเอเปค หนุนใช้กลไกอาเซียนเพิ่มอำนาจต่อรอง

“สุพันธุ์ ชี้ รัฐบาลไร้ศักยภาพดึง ไบเดน มาเอเปค หนุน ใช้กลไกอาเซียนเพิ่มอำนาจต่อรองกับมหาอำนาจ”

วันที่ 28 กันยายน 2565 จากกรณีที่นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ปฏิเสธการเข้าร่วมประชุมเอเปค ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน เนื่องจากติดเหตุผลทางครอบครัว โดยนายโจ ไบเดน จะบินกลับกรุงวอชิงตันดีซีทันที หลังจากการประชุม G-20 ในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน ที่บาหลี อินโดนีเซีย และมอบหมายให้นาง กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี มาเป็นผู้แทนในการประชุมเอเปค

วันนี้ (27 กันยายน 2565) นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การที่นายโจ ไบเดน ไม่มาเยือนไทยในครั้งนี้นั้น แสดงถึงความไร้ศักยภาพในเวทีโลกของรัฐบาล ที่ไม่สามารถชักชวน หรือ ดึงให้ผู้นำประเทศมหาอำนาจเข้ามาร่วมประชุมได้ ทั้งที่การประชุมเอเปคครั้งถัดไปจะมีสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ การที่ประธานาธิบดีสหรัฐมาประชุม จี20 แต่ไม่มาร่วมประชุมเอเปคสะท้อนว่าไทยเองไม่มีจุดยืนที่แข็งแรงพอบนเวทีโลก และ ไม่กล้าที่จะแสดงออกถึงความสำคัญของตนในทางการค้ามากเพียงพอ

นายสุพันธุ์ กล่าวต่อว่า ท่าทีดังกล่าวสะท้อนว่าทุกประเทศเองย่อมต้องสนใจผลประโยชน์ของประเทศตัวเองเป็นหลัก ดังนั้น ในปัจจุบันที่สถาณการณ์ด้านเศรษฐกิจของไทยยังมีปัญหา ไทยเองก็ต้องแสดงออกถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาของประเทศเราเอง เช่นไทยอาจต้องซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพื่อพยุงอัตราเงินเฟ้อ และ ลดการขาดดุลการค้า เพราะที่ผ่านมา แม้ตัวเลขส่งออกของประเทศเราจะสูงขึ้น แต่ก็ยังขาดดุลการค้าอยู่ หากเราเลือกตัดสินใจซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ไม่ได้สะท้อนว่าเรากำลังจะกระด้างกระเดื่องกับมหาอำนาจ แต่เป็นการแสดงจุดยืนว่าไทยเองต้องรักษาสมดุลด้านเศรษฐกิจและลดอัตราเงินเฟ้อในประเทศ ในขณะที่ทุกประเทศนั้นให้ความสำคัญกับประเทศตัวเองเป็นหลัก ไทยก็ต้องทำแบบเดียวกัน

นายสุพันธุ์เสนอว่าไทยและชาติอาเซียน ต้องใช้กลไกอาเซียน ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ชาติอาเซียนต้องจับมือกันพัฒนาและออกแบบกลไกทางเศรษฐกิจร่วมกันเพื่อที่จะมีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น เพราะอาเซียนเองเป็นแหล่งวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมต่างๆทั่วโลก ทั้งยางพารา และ สินค้าเกษตรอื่นๆที่จำเป็นต่อการบริโภค ทั้ง ข้าว และ น้ำมันปาล์ม รวมถึงได้เปรียบในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เป็นฐานการผลิตสินค้าต่างๆ ที่จะส่งออกไปทั่วโลก

นายสุพันธุ์ย้ำจุดยืนว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้คือชาติอาเซียนนั้นแข่งกันเองทั้งด้านผลผลิต การค้าการส่งออก และ การเป็นฐานการผลิตและลงทุน สิ่งที่ผู้นำชาติอาเซียนต้องทำคือพูดคุยกันและจัดสรรผลประโยชน์ให้ลงตัวว่าใครจะผลิตอะไร ใครมีศักยภาพด้านใด จะผลิตเท่าไหร่ เพื่อที่จะไม่ต้องแย่งตลาดกันเกินไป ในด้านฐานการผลิตเองก็ต้องจับมือกันเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง ไม่ใช่ต่างคนต่างให้ผลประโยชน์แก่ชาติมหาอำนาจตัดราคาเพื่อนบ้านกันเองเพราะสุดท้ายจะไม่มีชาติใดในอาเซียนที่ได้ผลประโยชน์จริงแต่จะถูกกดราคาลงแทน “ชาติในอาเซียนต้องจับมือกันให้แน่นขึ้น ไม่ใช่แค่จัดประชุมจัดงานเลี้ยง ล้อมวงจับมือถ่ายภาพกัน แต่เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองกับมหาอำนาจ” นายสุพันธุ์ ทิ้งท้าย