วันที่ 25 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา รอยเตอร์สรายงานว่า สหรัฐฯได้ออกมาเตือนรัฐบาลรัสเซียหากใช้อาวุธนิวเคลียร์กับยูเครนจะต้องเผชิญผลลัพธ์ระดับหายนะใหญ่ หลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวถึงการทำประชามติแบบบีบบังคับกับ 4 แคว้นของยูเครนจะมีการป้องกันระดับสูงสุด หากดินแดนที่ยึดครองถูกผนวกเข้ากับรัสเซีย ซึ่งรัสเซียได้ข่มขู่ชาติตะวันตกและยูเครนจะใช้อาวุธระดับร้ายแรงหากหวังกอบกู้ดินแดนที่รัสเซียใช้กำลังยึดไป

โดยเจค ซูลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯกล่าวว่า สหรัฐฯ จะตอบโต้รัสเซียหากใช้อาวุธนิวเคลียร์กับยูเครนและนั่นหมายถึงรัฐบาลรัสเซียจะต้องเผชิญผลลัพธ์ระดับหายนะ

“หากรัสเซียเลือกล้ำเส้น ผลลัพธ์ขั้นหายนะจะเกิดกับรัสเซียแน่ สหรัฐฯจะตอบโต้ขั้นเด็ดขาด” ซูลิแวน กล่าว

คำเตือนของสหรัฐฯดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่ไม่กี่วันก่อน วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียผู้ประกาศสั่งรุกรานยูเครนด้วยข้ออ้าง “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ได้ออกมาแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ประกาศคำสั่งระดมพลสำรองบางส่วนจำนวน 3 แสนนาย พร้อมกับข่่มขู่ยูเครนและชาติตะวันตกว่าจะใช้อาวุธทุกอย่างที่มี พร้อมกับกล่าวคำทำนอง “แบล็กเมล์นิวเคลียร์”  ในการปกป้องแผ่นดินแม่รัสเซียจากการรุกรานของชาติตะวันตก ซึ่งปูตินมีท่าที หลังจากกองทัพรัสเซียประสบความพ่ายแพ้ต่อกองทัพยูเครนที่ใช้แผนตบตาแสร้งรุกทางใต้ก่อนใช้กำลังบุกสายฟ้าแลบทางตะวันออกจนสามารถกอบกู้เขตคาร์คิฟได้ทั้งหมดและเข้ารุกต่อไปยังเขตโดเนสตก์เพื่อกู้เมืองที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการส่่งกำลังบำรุงสำคัญ เพื่อตัดเส้นทางเสบียงของกองทัพรัสเซีย

ก่อนหน้านี้ เซอร์เก้ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้แถลงระหว่างร่วมประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็น โดยยืนกรานข้ออ้างแบบผิดๆของรัฐบาลรัสเซียว่าการรุกรานยูเครนก็เพื่อโค่นล้มรัฐบาลยูเครนที่ไม่ชอบธรรมและเป็นพวกนีโอนาซี พร้อมกับปกป้องประชาชนในแคว้นโดเนสกต์และลูฮันสก์หรืออีกนัยหนึ่ง กลุ่มแบ่งดินแดนนิยมรัสเซียใน 2 แคว้นดังกล่าว

ทั้งนี้ รัสเซียหลังจากเสียท่าและสูญเสียครั้งใหญ่ให้กับยูเครน ก็ได้แก้เกมส์สงครามการเมือง โดยเร่งทำประชามติแบบมัดมือชกหวังผนวกดินแดนที่รัสเซียเข้ายึดครองและประกาศระดมพลสำรองพร้อมแก้ไขเพิ่มโทษอาญาทหาร ซึ่งยูเครนและชาติพันธมิตรไม่ยอมรับการทำประชามติปลอมๆ

ลิซ ทรัสซ์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษและชาติพันธมิตร ไม่ควรใส่ใจกับภัยคุกคามจากปูติน ผู้ซึ่งทำสิ่งที่เธอเรียกว่าเป็นความผิดพลาดเชิงกลยุทธ์ เนื่องจากเขาไม่คาดคิดว่าจะมีปฏิกิริยารุนแรงจากตะวันตก

“เราไม่ควรฟังเสียงขู่กรรโชกของเขาและการข่มขู่ปลอมๆ ของเขา สิ่งที่เราต้องทำคือดำเนินการคว่ำบาตรรัสเซียต่อไป และสนับสนุนชาวยูเครนต่อไป” ทรัสส์บอกกับซีเอ็นเอ็นในการออกอากาศสัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่่ผ่านมา

สำหรับสถานการ์การสู้รบนั้น แม้รัสเซียจะครองครองพื้นที่ 4 แคว้นของยูเครน ซึ่งคิดเป็น 15%ของพื้นที่ทั้งหมด แต่กองทัพยูเครนยังคงสามารถเข้าควบคุมบางพื้นที่ในแต่ละแคว้น รวมถึงพื้นที่ราว 40%ของแคว้นโดเนสกต์และซาโปริซเซีย การต่อสู้ยังคงดำเนินอย่างหนักหน่วงตลอดแนวหน้า โดยโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า ยูเครนสามารถจะกอบกู้พื้นที่ทั้งหมดกลับคืนมา โดยเมื่อวานนี้กล่าวว่า ยังคงแสดง “ผลในเชิงบวก” สำหรับรัฐบาลเคียฟในการปะทะกันบางกรณี “นี่คือภูมิภาคโดเนตสค์ นี่คือภูมิภาคคาร์คิฟของเรา นี่คือภูมิภาคเคอร์ซอน และภูมิภาคมิโคไลฟและซาโปริซเซียด้วย” เซเลนสกีกล่าวในวิดีโอของเขาทุกคืน