ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% เมื่อวันที่ 21 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เฟดได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันในช่วงเวลา 3 เดือน

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า ความเจ็บปวดในระยะสั้นยังดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาวของการปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อลุกลาม แน่นอนว่าการเติบโตที่ชะลอตัวลงและการว่างานที่เพิ่มสูงขึ้น จะเป็นเรื่องเจ็บปวดสำหรับประชาชน แต่ก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับความล้มเหลวในการฟื้นฟูเสถียรภาพทางด้านราคา และทำให้ต้องเราต้องย้อนกลับมาทำสิ่งเหล่านี้ใหม่อีกครั้ง

พาวเวลล์กล่าวว่า เพื่อให้ตลาดแรงงานแข็งแกร่งต่อไปอีกช่วงหนึ่ง เราต้องพยายามทำให้เงินเฟ้อลดลง แม้เขาจะหวังว่าจะมีวิธีที่ไม่เจ็บปวดในการดำเนินการเช่นนั้น แต่ในความเป็นจริงมันไม่มีวิธีอื่น และตลาดแรงงานจะต้องแย่ลง หากเราต้องการทำให้เงินเฟ้อลดลง

พาวเวลล์ย้ำความมุ่งมั่นของเฟดที่จะลดอัตราเงินเฟ้อให้ไปอยู่ที่ระดับ 2% ต่อปี แต่ก็ยอมรับว่าเพื่อให้บรรลุผลดังกล่าวอาจต้องเผชิญกับความเจ็บปวด โดยต้องมีการทำสองอย่างคือให้มีการเติบโตต่ำกว่าแนวโน้ม ควบคู่กับการมีสภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนตัวลง เพื่อให้เกิดความสมดุลที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ เฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้จะต้องหยุดชะงัก ขณะที่อัตราการว่างานจะเพิ่มขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ดี นายพาเวลล์ย้ำว่า เพียงเพราะเฟดกำลังขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ได้หมายความว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงทันที แต่ก็รับว่าเฟดไม่สามารถที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อได้ตลอดไปโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ เมื่อถึงจุดหนึ่งของการใช้นโยบายเข้มงวดก็ต้องมีการชะลอการดำเนินการ เพื่อที่เฟดจะทำการประเมินว่าการปรับนโยบายส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร

หลังการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันของเฟด ตลาดหุ้นสหรัฐพากันปรับตัวลดลง โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลงเกือบ 522.45 จุด หรือลดลง 1.7% มาอยู่ที่ 30,183.78 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 1.71% หรือ 66 จุด มาปิดที่ 3,789.93 จุด เช่นเดียวกับดัชนี Nasdaq ที่ลดลง 1.79% หรือลบ 204.86 จุด ปิดที่ 11,220.19 จุด