‘ธัญวัจน์’ ชื่นชมรร.มัธยมวัดธาตุทอง ออกข้อสอบเปิดกว้าง ชี้ผู้บริหาร ศธ.ต้องเปิดใจรับ

ธัญวัจน์ ก้าวไกล ชื่นชมมัธยมวัดธาตุทองออกข้อสอบเปิดกว้าง เล็งเสนอหลักสูตรความเท่าเทียมต่อกระทรวงศึกษาธิการ

 

วันที่ 21 กันยายน 2565 ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีการพูดถึงโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง ที่ออกข้อสอบ วิชาสาระร่วมสมัย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยม6 เป็นข้อสอบแบบอัตนัย ถามทัศนคติและการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล ทั้งคำถามทางการชุมนุม ศาสนา และการทุจริตคอร์รัปชัน โดยธัญวัจน์กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่การศึกษาไทยควรมีมาตั้งนานแล้ว การเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่าลืมว่าหากโรงเรียนไม่ได้ถามเรื่องเหล่านี้ในสังคมหรือวงสนทนาภายนอกก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงได้อยู่แล้ว และการที่อาจารย์นำเอาสถานการณ์หรือพัฒนาการของสังคมมาพูดถึงในข้อสอบของนักเรียนถือเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เพราะนักเรียนไทยทนเรียนประวัติศาสตร์ที่ย้อนกลับไม่ได้มาทั้งชีวิต กลับกันนักเรียนควรมีโอกาสได้เรียนและแลกเปลี่ยน มีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นกับประวัติศาสตร์ที่เขามีส่วนร่วมอีกทั้งศึกษาพลวัตรของสังคมปัจจุบัน

สิ่งหนึ่งที่การศึกษาไทยอยู่กับที่มานานเพราะความหวาดกลัวของผู้ใหญ่ และมองว่าเด็กไม่ควรรับรู้หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องของการเมือง หรือสถาบันอื่นๆในสังคม หากการเปิดโอกาสในการตั้งคำถามจากข้อสอบเช่นนี้จะเป็นการพัฒนาไปสู่พื้นที่ปลอดภัยให้เยาวชนได้แสดงความคิดเห็นและแสดงออกก็ไม่ควรปิดกั้น

และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ คำตอบของนักเรียนจะถูกให้คะแนนด้วยดุจพินิจของอาจารย์ จึงอยากให้อาจารย์ให้คะแนนข้อสอบในลักษณะนี้โดยปราศจากอคติไม่ควรมีนักเรียนคนไหนถูกตัดสินด้วยการแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา แต่ต้อวฃงสร้างวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่แตกต่างในสถานการศึกษาให้ได้

ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการออกข้อสอบลักษณะนี้เหมาะสมหรือไม่นั้น ตนคิดว่า ขอให้ผู้ปกครองหรือคนที่ไม่เห็นด้วยมองความเป็นจริงวันนี้สังคมเราไปไกลมากแล้ว มีเพียงสถาบันการศึกษาบางแห่งเท่านั่นที่ยังไม่ปรับตัวและไม่ยอมรับความจริง อย่าบืมนะคะว่าชาติจะเจริญต่อเมืองระบบการศึกษาแข็งแรงดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจนมีการพูดถึงในสังคมออนไลน์วันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นเรื่องจริงที่ผู้บริหารกระทรวงศึกษาฯในบ้านเราต้องยอมรับเปิดใจ นักเรียนไทยควรได้เรียนประวัติศาสตร์ของประชาชนอย่างจริงจังเสียที ไม่เพียงแค่หลักสูตรวิชาสังคมเท่านั้นที่ระบบการศึกษาไทยควรขยายเพดานในอนาคตอันใกล้ตนจะใช้กลไกสภาผู้แทนราษฎรเสนอวิชาความเท่าเทียมเพื่อส่งต่อให้กระทรวงศึกษาธิการไปทำงานต่อด้วย

นอกจากนี้ ข้อสอบดังกล่าวกระทรวงศึกษาธิการควรต้องพิจารณาการปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจังเสียที หากการศึกษาไม่มีการปรับเปลี่ยนเกรงว่า ระบบการศึกษาไทยเองจะตามไม่ทันการตื่นรู้ของนักเรียนเสียเองธัญวัจน์ทิ้งท้าย