เผยแพร่ |
---|
วันที่ 21 กันยายน 2565 รอยเตอร์สรายงานว่า ผู้นำในพื้นที่ยึดครองของรัสเซียในยูเครนทั้ง 4 เขตทั้งโดเนสกต์,ลูฮันสก์,ซาโปริซเซียและเคอร์ซัน เตรียมแผนจัดทำประชามติรับรองในการเข้าร่วมกับรัสเซียซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปลายเดือนนี้ ซึ่งเป็นโจทย์ท้าทายของชาติตะวันตกที่อาจทำให้การสู้รบลุกลามกลายเป็นสงคราม แต่การเร่งทำประชามติก็เกิดเสียงประณามจากยูเครนและชาติพันธมิตรถูกมองเป็นการยื่นคำขาดของรัสเซีย เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นตามแผนของรัสเซียในปฏิบัติการพิเศษทางทหารหวังพิชิตยูเครนอย่างรวดเร็วแต่กลับเจอสงครามยืดเยื้อลากยาว หนำซ้ำต้องพบกับความพ่ายแพ้หลังทัพยูเครนบุกสายฟ้าแลบกู้พื้นที่ในเขตคาร์คิฟได้ทั้งหมดและกำลังรุกคืบหมายกอบกู้พื้นที่อื่นทั้งในลูฮันสก์และเคอร์ซัน ได้บีบรัฐบาลรัสเซียเจอแรงกดดันจากภาวะถดถอยทางทหารและทางการเมืองในรัสเซีย
ดิมิโทร คูลิบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน กล่าวระหว่างร่วมประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นว่า รัสเซียอยากทำอะไรก็ทำไป แต่ก็ไม่ได้ส่งผลเปลี่ยนแปลง และดิมิโทร ยังได้ทวิตข้อความว่า ยูเครนมีสิทธิชอบธรรมทุกประการที่จะปลดปล่อยดินแดนของตนและจะปลดปล่อยพวกเขาต่อไป ไม่ว่ารัสเซียจะพูดอะไรก็ตาม
ด้านฝ่ายนิยมรัฐบาลรัสเซียบางคน ได้ตีกรอบการลงประชามติว่าเป็นคำขาดถึงชาติตะวันตกเพื่อยอมรับการยึดครองดินแดนของรัสเซียหรือเผชิญสงครามเต็มกำลังที่พร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดย ดิมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและรองประธานสภาความมั่นคง กล่าวในโซเชียลว่า การบุกรุกอาณาเขตของรัสเซียถือเป็นอาชญากรรมที่อนุญาตให้คุณใช้พลังป้องกันตัวทั้งหมดได้
ขณะที่ เจค ซูลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า วอชิงตันไม่ยอมรับการทำประชามติอย่างชัดแจ้งแล้ว และวอชิงตันทราบดีถึงรายงานที่ปูตินอาจกำลังพิจารณาสั่งให้ระดมกำลังพล และซูลิแวนเสริมว่า จะไม่ทำอะไรเลยที่จะบ่อนทำลายความสามารถของยูเครนในการผลักดันการรุกรานของรัสเซียกลับคืนไป
ทั้งนี้ รัสเซียได้พิจารณาให้เขตโดเนสกต์และลูฮันสก์ รวมกันเป็นเขตดอนบาสในฐานะรัฐอิสระ ซึ่งการรับรองนี้ จะทำให้รัสเซียสามารถเคลื่อนกำลังพลเข้าสู่พื้นที่ได้ อีกทั้งมีรายงานว่า สภาดูม่าของรัสเซียได้เห็นชอบแก้ไขกฎหมายอาญาทหารเพิ่มเติม ซึ่งเป็นสัญญาณที่รัสเซียอาจเลือกทำสงครามเต็มรูปแบบ และคาดว่าจะมีการเกณฑ์ทหารในพื้นที่ยึดครองทั้ง 4 มารบกับกองทัพยูเครนเพื่อชดเชยภาวะสูญเสียกำลังพลทั้งตายจากการสู้รบหรือหลบหนี
สำหรับรัสเซียที่กำลังเร่งประชามติใน 4 เขตที่ยึดครอง ถือเป็นการกระทำล่าสุดตลอดช่วงการบริหารประเทศกว่า 2 ทศวรรษของปูติน ที่ได้ทำสงครามยึดดินแดนและใช้การทำประชามติรับรองในพื้นที่ของประเทศอื่น เช่น สงครามรัสเซีย-จอร์เจียในปี 2008 ที่ทำให้รัสเซียยึดครองอับคาเซียและโอเซเทียใต้ของจอร์เจียมาอยู่ภายใต้รัสเซีย หรือในปี 2014 ที่รัสเซียส่งกองกำลังบุกยึดไครเมียหลังเหตุการณ์ปฏิวัติไมดานในยูเครนและโค่นรัฐบาลนิยมรัสเซียของวิคเตอร์ ยานูโควิชไปไม่นาน และทำประชามติรับรองให้ไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียท่ามกลางเสียงค้านจากประชาคมโลก