ฝ่ายค้านจี้ “กกต.” จับตา”รมต.”ลงพื้นที่ช่วง180วันก่อนสภาหมดวาระ

ฝ่ายค้านจี้ “กกต.” จับตา”รมต.”ลงพื้นที่ช่วง180วันก่อนสภาหมดวาระ

 

วันที่ 19 กันยายน มีการเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้เข้มงวดกับทุกฝ่าย ทั้งส.ส. ว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งส.ส.รวมทั้งรัฐมนตรี ถึงข้อห้ามการแจกสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำท่วม หรือประสบภัยต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2565 ถึงวันที่ 23 มีนาคม 2566 เ ซึ่งเป็นช่วง 180 วันก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระ เพราะถือว่าเป็นการหาเสียงล่วงหน้าอีกทั้งการขึ้นป้ายโฆษณาหาเสียงก็ต้องนำมาคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

เมื่อวันที่ 18 กันยายน นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นกฎหมายใหม่ที่เพิ่งมีหลังรัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ ก่อนหน้านี้จะบังคับเฉพาะช่วงมีประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง กฎหมายใหม่ที่ว่านี้ เรื่องขึ้นป้ายโฆษณาไม่เป็นปัญหา แต่จะมีปัญหากรณีเกิดเหตุฉุกเฉินไฟไหม้ น้ำท่วม ส.ส.สามารถช่วยเหลือได้ตามกรอบที่กฎหมายกำหนด จะมีผลต่อการช่วยเหลือประชาชนแน่นอน

“อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นกฎหมายออกมาแล้ว พร้อมทำตาม เชื่อว่าผู้สมัครส.ส.คนอื่นๆ เข้าใจในหลักการนี้ แต่ฝาก กกต.ที่เป็นผู้ประกาศระเบียบนี้ออกมา ให้จับตาการลงพื้นที่ของทุกพรรคการเมือง อย่าเลือกปฏิบัติกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง”นายสมคิดกล่าว

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ที่กกต.ออกมาเตือนส.ส. และผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. เรื่องการลงพื้นที่และอาจมีการมอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนนั้นก็เป็นไปตามกฎหมายที่ส.ส. และผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ต้องระมัดระวังไม่ให้กระทำผิด ในส่วนของส.ส.พรรคก.ก. พร้อมปฎิบัติตาม เพราะส.ส.พรรคก.ก.ที่ลงพื้นที่ส่วนใหญ่จะไปรับฟังปัญหาแล้วนำมาแก้ไข ไม่ได้มีการแจกสิ่งของให้กับประชาชนเหมือนกับ ส.ส.ของหลายพรรค

“ประเด็นที่อยากจะเรียกร้องให้ กกต.จับตาเป็นพิเศษ คือ การลงพื้นที่ของรัฐมนตรี ที่มีฐานะเป็นผู้บริหารพรรคการเมืองด้วย เพราะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะใช้อำนาจและกลไกของรัฐ ทั้งข้าราชการประจำ งบประมาณ ทรัพยากรของรัฐในการเอื้อประโยชน์ในทางการเมืองให้กับพรรคที่ตัวเองสังกัด โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นการปฎิบัติราชการของรัฐบาล”นายธีรัจชัยกล่าว

นายธีรัจชัยกล่าวว่า ต้องจับตาและตรวจสอบ ทั้งวัน เวลา ที่จะลงพื้นที่ หากลงพื้นที่ช่วงวันธรรมดาแล้วไปทำกิจกรรมทางการเมืองที่อยู่ในเวลาราชการก็สุ่มเสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งได้ ขณะที่รัฐมนตรีบางคนเลือกลงพื้นที่ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เวลาราชการไปทำกิจกรรมทางการเมือง แต่ยังมีความได้เปรียบ เพราะมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ทำให้ข้าราชการในพื้นที่มีความเกรงใจต้องมาอำนวยความสะดวก เนื่องจากความเป็นรัฐมนตรียังมีอำนาจให้คุณให้โทษทั้งทางตรงและทางอ้อมกับข้าราชการประจำได้

“อยากเรียกร้องให้กกต.บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันกับทุกพรรคการเมือง ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ไม่ใช่พอเป็นฝ่ายรัฐบาลไปลงพื้นที่ทำกิจรรมในทางการเมืองจะสามารถทำได้ ขณะที่อีกฝ่ายลงพื้นที่กลับถูกร้องเรียน จึงอยากให้ กกต.ทำหน้าที่อย่างตรงไป ตรงมา ไม่เลือกปฎิบัติกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”นายธีรัจฉัยกล่าว