‘เท่าพิภพ’ เชื่อพรรคร่วมบาดหมาง ไม่เติมเชื้อยุบสภา ชี้สมัยประชุมสภาหน้าเดือด ทุกพรรคฆ่ากัน ทั้งฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล แนะสภาควรเร่งออก กม.คุมกัญชา

เมื่อวันที่ 16 กันยายน นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ไม่พอใจที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ลงคะแนนโหวตให้ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ไปทบทวนใหม่ จะเร่งให้เกิดการยุบสภาเร็วขึ้นหรือไม่ว่า คิดว่าจะไม่ยุบสภา เพราะฝ่ายรัฐบาลยังเพลี่ยงพล้ำและมีคะแนนนิยมไม่ดี จึงต้องแก้ไขและรอเวลา ต่อให้ทุกพรรคการเมืองทะเลาะกัน ส.ส.ร้อยทั้งร้อยไม่อยากให้ยุบสภา เพราะการอยู่ในตำแหน่งจะเป็นประโยชน์กว่า

เมื่อถามว่า ต่อให้นายอนุทินจะเกิดความไม่พอใจกับพรรคร่วมรัฐบาล แต่จะยังสามารถทำงานร่วมกันได้ใช่หรือไม่ นายเท่าพิภพกล่าวว่า ตนมองว่าหลังจากนี้จะเข้าสู่ยุคการเมืองแบบสุดๆ ในสมัยประชุมสภาหน้า เราจะเห็นเหตุการณ์แบบสัปดาห์นี้ตลอดสมัยประชุม จะไม่มีการแบ่งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เพราะทุกพรรคจะสนใจเรื่องการเลือกตั้งใหญ่เท่านั้น และจริงจังกับการลงพื้นที่มากกว่าเดิม ทุกคนต้องเอาตัวรอด และสามารถฆ่ากันได้หมด ดังนั้น ในช่วงเดือนพฤศจิกายน เราจะเห็นความเข้มข้นของสภาและการเมืองมากกว่าเดิม

เมื่อถามว่า การพยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ถือเป็นจุดสำคัญที่แต่ละพรรคนำมาใช้หาเสียงใช่หรือไม่ นายเท่าพิภพกล่าวว่า ใช่ เพราะการออกกฎหมายเป็นหน้าที่หลักของสภาผู้แทนราษฎร หากพรรคใดสามารถผลักดันกฎหมายที่เคยหาเสียงไว้ได้ถือว่าเป็นความสามารถของพรรคการเมืองนั้น

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรค ก.ก.โหวตเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง นายเท่าพิภพกล่าวว่า เราเห็นด้วยที่จะปลดล็อกกัญชา แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งตนในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อยได้สงวนคำแปรญัตติแก้ไขในหลายจุด แต่กลับไม่มีโอกาสจะแก้ไข สุดท้ายร่างกฎหมายถูกถอนออกไป ทำให้เกิดสุญญากาศ ตามหลักการจึงควรผ่านร่างกฎหมายนี้ไปก่อน และออกเป็นกฎหมายมาควบคุมการใช้กัญชา ใครไม่เห็นด้วยกับกัญชาก็ไปออกกฎหมายทำให้กัญชาผิดกฎหมายไป เราต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชน ถ้าพูดแล้วไม่ได้ทำ ก็เป็นการบกพร่องต่อหน้าที่