คนไทยในสหรัฐเดินทางกลับเมืองไทยตั้งใจร่วมงานถวายพระเพลิง ร.9

วันที่ 20 ตุลาคม 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวังระหว่างประตูวิเศษไชยศรีและประตูมณีนพรัตน์ สำหรับให้ประชาชนได้ถวายสักการะต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณตลอด 24 ชั่วโมง เป็นวันที่ 10

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พสกนิกรจากทุกสารทิศใส่ชุดสีดำสุภาพทยอยหลั่งไหลถวายดอกไม้และพวงมาลัยสักการะอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ท่ามกลางอากาศร้อนจัด ประชาชนก็ไม่ย่อท้อ กางร่มเข้าไปกราบสักการะ และสำหรับดอกไม้ที่ประชาชนนำมาถวายนั้น กรุงเทพมหานครจะนำไปประดับที่แท่นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่สวนรมณีนาถ และจะนำไปทำปุ๋ยน้ำชีวภาพต่อไป ทั้งนี้ สำหรับวันที่ 21-22 ตุลาคม ซึ่งมีการซ้อมใหญ่เหมือนจริงริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ สำนักพระราชราชวังปิดการถวายสักการะต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในช่วงเวลาซ้อม เมื่อเสร็จจะเปิดให้ประชาชนมาถวายสักการะได้ดังเดิม

นางสาวปัทมา วีระไพสิทธิ์นุกูล อายุ 68 ปี ชาวไทยในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา มาพร้อมพี่สาว นางจินตนา แซ่เล็ก อายุ 78 ปี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี โดยนางสาวปัทมากล่าวว่า ตนเป็นข้าราชการบำนาญของกรมทหารอเมริกัน ทำงาน อยู่อาศัย และมีครอบครัวที่สหรัฐมา 40 กว่าปี แต่ด้วยพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพใกล้จะถึง จึงตัดสินใจเดินทางกลับมาที่เมืองไทยในช่วงนี้เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธี และจะเดินทางกลับช่วงกลางเดือนธันวาคม ทั้งนี้ คนไทยในจอร์เจียมีความรู้สึกไม่ต่างกับคนไทยที่นี่ เราต่างเสียใจในวันที่พระองค์สวรรคต คนไทยที่นั่นต่างเฝ้าติดตามข่าวสาร มีการจัดงานทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลอยู่ตลอดในวัดไทยที่จอร์เจีย กระทั่งในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพก็จัดให้มีการถวายดอกไม้จันทน์ แต่ตนและคนไทยบางส่วนก็เลือกเดินทางมาที่ไทย เพราะอยากมาชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศด้วยตาตัวเอง

ปัทมา (คนขวา)

“ตั้งใจเดินทางมาเพราะเราเป็นลูกของพระองค์ ซึ่งตลอดพระชนม์ชีพทรงช่วยเหลือลูกๆ พระราชทานโครงการต่างๆ พระราชทานคำสอนให้ลูกๆ ได้น้อมนำไปปฏิบัติใช้ ซึ่งดิฉันก็น้อมนำมาใช้ตลอด โดยเฉพาะเรื่องความพอเพียงในการดำเนินชีวิต แม้จะอยู่ต่างแดนก็ได้ผลกับชีวิต ส่วนจากนี้ก็ตั้งใจว่าจะขอสืบสานพระราชปณิธานและคำสอนของพระองค์ต่อไป” นางสาวปัทมากล่าว

ขณะที่ ผศ.บุญมา แฉ่งฉายา อายุ 71 ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี ข้าราชการครูบำนาญ สถาบันราชภัฏเพชรบุรี กล่าวว่า นำพวงมาลัยดอกดาวเรืองมาถวายสักการะด้วยคิดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ความจริงที่บ้านมีพระบรมฉายาลักษณ์รวมถึงพระรูปหล่อ (รูปปั้น) พระองค์อยู่มาก แต่อยากมาอยู่ใกล้ชิดพระองค์ให้มากที่สุด อีกทั้งวันถวายพระเพลิงคงไม่ได้มาร่วมงาน เพราะรู้ว่าคงมีประชาชนมากันจำนวนมาก

ผศ.บุญมา

“พระองค์ท่านทรงทำทุกอย่างจนร่างกายเหนื่อยล้า ทำงานหนักยิ่งกว่ากษัตริย์องค์ใดในโลก สิ่งที่ท่านฝากไว้ให้ประชาชนนั้นมากมายสุดพรรณนา ชัดเจนที่สุดคือคำสอนเรื่องความพอเพียง พออยู่พอกิน และที่ผมกำลังดำเนินตามรอยพระองค์อยู่ตอนนี้คือการให้อภัย บอกกับตัวเองว่าต้องทำให้ได้ จะโกรธใครมากแค่ไหนต้องรู้จักปล่อยวาง ถ้าทำได้มีความสุขแน่นอน ทุกวันนี้ผมมีที่ดินอยู่ 4 ไร่ ตั้งใจทำสวนศิลปะเทิดพระเกียรติ จัดวางประติมากรรมเกี่ยวกับพระองค์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ เป็นความอิ่มใจของคนวัยเกษียณที่อยากทำอะไรให้เป็นประโยชน์” ผศ.บุญมากล่าว