‘พิธา’ เล็งออกนโนบายดูแลสูงวัยทั่วประเทศ ห่วงคนแก่ถูกทอดทิ้ง รัฐออกกม.ขัดกันมั่ว

หัวหน้าพรรคก้าวไกล รับหนังสือจากกลุ่ม “นักกฎหมายทนายความประชาชนสี่ภาค” เตรียมผลักดัน นโยบายรองรับสังคมสูงวัย หวั่นคนแก่ถูกทอดทิ้ง

 

วันที่ 7 กันยายน 2565 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยส.ส. จากพรรคก้าวไกล รับหนังสือจากกลุ่มนักกฎหมายทนายความประชาชนสี่ภาค ซึ่งเดินทางมาร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาเบี้ยผู้สูงอายุที่เกิดขึ้น โดยพิธาได้อธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยยกตัวอย่าง กรณีผู้สูงอายุถูกรัฐสั่งฟ้องคืน “เงินคนแก่” และตัวอย่างที่ยกไปนั้นไม่ใช่ตัวอย่างเดียวที่เกิดขึ้น แต่ยังมีตัวอย่างของผู้สูงอายุอีกจำนวนมากที่ต้องคืนเงินให้กับรัฐเนื่องจาก ความผิดพลาดของการออกกฏหมายที่ขัดกันและการดำเนินการของรัฐที่ไม่รอบคอบถี่ถ้วน หากรัฐไม่สามารถจัดการระบบและกฎหมายที่ขัดกันได้ ปัญหานี้จะกลายเป็นปัญหาคุกคามผู้สูงวัยทั่วประเทศ วันนี้ตนจึงเดินทางมารับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มทนายที่พบปัญหาโดยตรง
.
หนึ่งในตัวแทนกลุ่มนักกฎหมายทนายความประชาชนสี่ภาค ได้ยกตัวอย่างปัญหาสำคัญของคดีลูกความผู้สูงอายุที่ตนเป็นทนายความไว้ว่า “ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางได้เรียกเงินคืนจากผู้สูงอายุที่รับเงินจากบำเหน็จบำนาญจากบุตรชายที่เสียชีวิต ผมจึงเข้าไปเป็นทนายความยื่นฟ้องศาลปกครอง เมื่อศาลปกครองรับฟ้อง พิจารณาหลังจากนั้นผมได้ยื่นฟ้องศาลปกครองต่อกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานโดยตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง

หลังจากยื่นฟ้องศาลปกครองรับฟ้อง คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะพิเศษ ตีความว่า ระเบียบผู้สูงอายุแห่งชาติปี 2552 และพ.ศ. 2561 ขัดกับพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ 2548 มาตรา 12 การได้มาถึงสิทธิ์ที่ประโยชน์ของผู้สูงอายุของพระราชบัญญัตินี้ ไม่เป็นการตัดสิทธิ์ของผู้สูงอายุ ที่จะได้ตามกฏหมายอื่น (ตามกฏหมายอื่นนั้นก็คือเป็นข้าราชการที่ได้ไปทำงาน ได้รับบำเหน็จบำนาญ) แต่ระเบียบผู้สูงอายุแห่งชาตินั้นมาขัดกับพระราชบัญญัติจึงบังคับใช้ไม่ได้ ทำให้สำนักงานพระราชกฤษฎีกาแจ้งไปยังรัฐบาลและคณะกรรมการผู้สูงอายุว่า ให้รีบคืนเงินผู้สูงอายุด่วนและวันที่ 23 ผ่านมานี้แมีมติคณะรัฐมนตรีให้คืนเงินผู้สูงอายุที่ถูกฟ้อง จำนวน 245,000,000 ล้าน และให้ถอนฟ้องเรื่องทุกอย่างให้จบภายใน 30 วันนับตั้งแต่มีมติ” ตัวแทนกลุ่มทนายยกตัวอย่าง

ขณะที่พิธา ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้รับหนังสือ พร้อมกล่าวว่าพรรคก้าวไกล เตรียมผลักดันและเรียกร้องให้ปัญหาผู้สูงอายุได้รับการแก้ไขอย่างเร็วที่สุด ใจความว่า “ก้าวต่อไปของพรรคก้าวไกลก็คือ ทวงถามความรับผิดชอบ จากผู้ออกข้อกำหนดหรือกฎระเบียบ ผ่านกรรมาธิการซึ่งวันนี้มีส.ส.จากพรรคก้าวไกลเป็นอนุกรรมาธิการ เกี่ยวกับผู้อาวุโสของกรรมาธิการ เพื่อตามหาความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ประการที่สองก็คงจะเป็นการผลักดันพรบ.บำนาญถ้วนหน้า ที่ทางส.ส.ปีกแรงงานของพรรคกำลังดำเนินการอยู่ ประการที่สามพรรคก้าวไกลจะผลักดันนโยบายเกี่ยวกับสังคมผู้สูงอายุ

เพราะเราให้ความสำคัญกับผู้อาวุโสและผู้สูงอายุในสังคม ซึ่งทางพรรคก้าวไกลเตรียมเรื่องเกี่ยวกับสังคมสูงวัยไว้พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบำนาญถ้วนหน้า ศูนย์ชราบาล และหานวัตกรรมในการช่วยเหลือผู้สูงอายุ รวมถึงการออกแบบการเดินทางสาธารณะให้เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัยก็เป็นก้าวต่อไปที่พรรคก้าวไกลจะทำ” พิธาทิ้งท้าย