‘ผู้สูงวัย’ครึ่งร้อย ฟ้องรมว.เเรงงาน ขอศาลปค.ถอนกฎกระทรวง3ฉบับ ว่าด้วยบำนาญชราภาพไม่เป็นธรรม

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ศาลปกครองกลาง ถนนเเจ้งวัฒนะ น.ส.วิไลวรรณ เเซ่เตีย กับพวกรวม 51 คน แบ่งเป็นผู้รับบำนาญชราภาพประกันสังคม 6 คน เเละผู้ที่จะได้รับบำนาญชราภาพในเร็วๆ นี้ 45 คน ยื่นฟ้อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเเรงงาน กรณีออกกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับเรื่องบำนาญชราภาพไม่ชอบธรรม

คำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 ผู้ถูกฟ้องคดีออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ.2556 ตั้งเเต่1มกราคม 2556 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ให้รัฐบาลจ่าย 2% เเละตั้งเเต่วันที่ 1 มกราคม2557 เป็นต้นไปรัฐบาลจ่ายเงินสมทบ 1% ในขณะที่ฝ่ายนายจ้างเเละลูกจ้างต้องจ่ายในอัตราที่สูงกว่ารัฐบาล 2 เท่าคือ3% ทั้งที่เหตุผลท้ายกฎกระทรวงระบุว่าเพื่อเป็นการบรรเทาภาระของนายจ้างเเละผู้ประกันตน ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจเเละสังคมในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราจ้างขั้นต่ำในปี 2556 การกระทำดังกล่าวจึงขัดต่อหลักการการร่วมจ่ายของรัฐบาล เเละผู้ประกันตน โดยรัฐมีหน้าที่สมทบเงินในกองทุนประกันสังคมอย่างน้อยที่สุดคืออัตราเท่ากับนายจ้างเเละผู้ประกันตน หรืออัตราที่มีหลักประกันได้ว่าผู้ประกันตนจะได้สิทธิประโยชน์ประกันสังคมเพียงพอเเละเป็นธรรม

กฎกระทรวงดังกล่าวจึงไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์กฎหมายประกันสังคม ทำให้ รัฐไม่ร่วมจ่ายกรณีชราภาพ การกำหนดเป็นเงินบำนาญเป็นเเบบอัตราตายตัว ไม่อิงดัชนีค่าครองชีพ ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของคนทำงานที่เกษียณอายุ ขาดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการนำผลประโยชน์จากการลงทุนมาจัดสรรจ่ายสิทธิประโยชน์ เเละกฎกระทรวงบางฉบับ เช่น ปี 2538 กลับไม่เคยมีการเเก้ไขเลย ทั้งที่สภาพเศรษฐกิจสังคมเปลี่ยนไปมาก

ผู้ฟ้องจึงขอให้เพิกถอนกฎกระทรวง 3 ฉบับ เเละออกกฎกระทรวงใหม่โดยให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเเรงงานดำเนินการให้มีการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับประกันตนผู้สูงอายุในด้านสถิติเเละความจำเป็นความต้องการพื้นฐานในการดำรงชีพ การจ่ายประโยชน์ทดเเทนกรณีชราภาพ ควรคำนึงอัตราเงินเฟ้อ ดัชนีค่าครองชีพ เเละออกกฎกระทรวง มีการสำรวจประกันสังคมกรณีชราภาพโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประกันสังคม ตั้งเเต่ต้นให้เเล้วเสร็จ 1 ปีนับเเต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา

น.ส.วิไลวรรณ กล่าวว่า สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เเต่การตระหนักถึงผลกระทบทางสังคมยังมีไม่มากนัก ปี2561จะมีผู้สูงอายุเพิ่มปีละ1ล้านคน ครึ่งหนึ่งของผู้สูงอายุไม่มีเงินออมเลย ผู้สูงอายุเหล่านี้ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยจ่ายค่ายารักษาโรคยามเจ็บป่วย การออกกฎกระทรวงมิได้ตอบสนองรองรับปัญหาเเละสอดรับกับเเผนผู้สูงอายุเเห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ.2545-2564) เเต่อย่างใด ทั้งที่สำนักงานประกันสังคมได้นำเงินในส่วนชราภาพไปลงทุนจำนวนมาก เเละได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนมากมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 3 ฉบับ ที่ขอให้เพิกถอนคือ กฎกระทรวงฉบับที่ 7 (2538) ออกตามความ พ.ร.บ.ประกันสังคม 2533 เรื่องการกำหนดจำนวนเงินที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตน มาตรา 33 ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท เเละไม่เกิน 15,000 บาท 2.กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา เเละอัตราการจ่ายประโยชน์ทดเเทนกรณีชราภาพ พ.ศ.2550 ออกตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม 2533 มาตรา77 และ 3.กฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบประกันสังคม พ.ศ.2556 ออกตามความใน พ.ร.บ.ประกันสังคม 2533 มาตรา 46 วรรคหนึ่งเเละวรรคสอง