ญี่ปุ่นรำลึกสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่2 ‘คิชิดะ’ ลั่นไม่ก่อสงครามอีก-รมต.เยือนศาลเจ้ายาสุกุนิ

 

นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม เนื่องในโอกาสรำลึกครบรอบ 77 ปี การประกาศยอมแพ้สงครามของญี่ปุ่น ที่นับเป็นวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2  ให้คำมั่นว่าญี่ปุ่นจะไม่ก่อสงครามอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม แม้นายคิชิดะจะไม่ปรากฏตัวที่ศาลเจ้ายาสุกุนิ ศาลเจ้าที่ตั้งขึ้นเพื่อยกย่องบรรดาผู้นำทหารญี่ปุ่นและทหารผ่านศึกและเลือกที่จะบริจาคเงินส่วนตัวให้กับศาลเจ้าผ่านตัวแทน แต่ก็มีรัฐมนตรี 2 คนที่เดินทางไปยังศาลเจ้าดังกล่าว ท่าทีซึ่งในอดีตจะสร้างความไม่พอใจให้กับชาติที่เป็นเหยื่อทหารญี่ปุ่นในเวลานั้นโดยเฉพาะเกาหลีใต้และจีน

นายคิชิดะกล่าวถ้อยแถลงในพิธีรำลึกครบรอบ 77 ปี การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่หอประชุมนิปปอน บูโดกัน ในกรุงโตเกียว พิธีกรรมซึ่งจักรพรรดินารุฮิโตะเสด็จมาร่วมพิธีด้วยว่า ญี่ปุ่นจะไม่ทำให้ความน่ากลัวของสงครามเกิดขึ้นอีก และตนจะยึดมั่นในคำปฏิญาณที่แน่วแน่นี้ต่อไป พร้อมกับย้ำว่า ในโลกที่ความขัดแย้งยังคงไม่ลดน้อยลง ญี่ปุ่นจะทำงานเชิงรุกในการเป็นผู้นำสนับสนุนสันติภาพของโลก

รายงานระบุว่า แม้นายคิชิดะจะหลีกเลี่ยงที่จะสร้างความไม่พอใจให้กับชาติพันธมิตรโดยเฉพาะเกาหลีใต้ ที่รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามสร้างความสัมพันธ์อยู่ในเวลานี้ โดยไม่ปรากฏตัวที่ศาลเจ้ายาสุกุนิ ศาลเจ้าที่ถูกชาติคู่สงครามกับญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 มองว่าเป็นศาลเจ้าที่ยกย่องอาชญากรรมสงคราม

ล่าสุดสำนักข่าวเอ็นเอชเค ของญี่ปุ่น เผยแพร่ภาพรัฐมนตรีหลายคนที่เดินทางเยือนศาลเจ้าดังกล่าวหนึ่งในนั้นคือ ซานาเอะ ทาคาอิชิ รัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งระบุว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ชาติใดๆ จะให้ความเคารพยกย่องกับบุคคลที่สละชีวิตเพื่อชาติ พร้อมทั้งยืนยันว่าญี่ปุ่นก็จะเสริมสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านอย่างจีนและเกาหลีใต้ต่อไป

ทั้งนี้ศาลเจ้ายาสุกุนิ ที่เป็นศาลเจ้าเพื่อยกย่องบรรดาผู้นำกองทัพญี่ปุ่น 14 นาย และทหารญี่ปุ่นผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีก 2.5 ล้านนาย ถูกมองจากชาติคู่สงครามโดยเฉพาะเกาหลีใต้และจีนว่าเป็นการยกย่องผู้อยู่เบื้องหลังการก่ออาชญากรรมสงครามอันโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ขณะที่ศาลเจ้ายาสุกุนิไม่มีผู้นำการเมืองระดับนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนนับตั้งแต่ปี 2013 โดยในเวลานั้นนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ปรากฏตัวที่ศาลเจ้าดังกล่าว สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลจีนและเกาหลีใต้ รวมไปสหรัฐอเมริกา พันธมิตรสำคัญของญี่ปุ่นก็วิพากษ์วิจารณ์ท่าทีของนายอาเบะในเวลานั้นเช่นกัน