สาธิต เชื่อ ถ้าองค์ประชุมครบ ถกกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.วันเดียวจบ ยัน ปชป. เข้าร่วมประชุมแน่นอน ยอมรับ สภาล่มกระทบภาพลักษณ์ ประชาชนมีสิทธิ์ตำหนิ

วันที่ 12 ส.ค. 2565 ที่สนามหลวง นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กล่าวกรณีการประชุมรัฐสภาด่วน วันที่ 15 ส.ค. เพื่อพิจารณากฎหมายเลือกตั้ง ชี้ชะตาสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 500 ก่อนครบเส้นตาย 180 วัน ว่า ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันของรัฐสภา ส่วนกลไกและการพิจารณาจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการประชุมในวันที่ 15 ส.ค.

นายสาธิต กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าขึ้นอยู่กับองค์ประชุม หากองค์ประชุมครบวันเดียวก็แล้วเสร็จทันอยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ที่มีปัญหา เนื่องจากทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันให้ตกไป เพื่อกลับไปใช้ร่างเดิมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ใช้บัตร 2 ใบและใช้สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 100 ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะได้ประโยชน์มากขึ้นและมีให้เลือกมากกว่าเดิม

เมื่อถามว่า กมธ.เห็นด้วยให้กลับไปใช้ร่างเดิมของกกต.ใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ตนเป็นกมธ.เสียงข้างน้อย ซึ่งเดิมที่รับจากสภาไปแก้ให้สอดคล้องหาร 100 แต่ช่วงนั้นเสียงสภาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ซึ่งตนเห็นด้วยกับสูตรหาร 100 มาตลอด เพราะประชาชนมีสิทธิมากขึ้น

นายสาธิต กล่าวต่อว่า แต่ผลการประชุมในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ย้ำว่าขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของส.ส.แต่ละคน ซึ่งวิปต้องประสานกันเพื่อให้ได้เป้าหมายตามต้องการทั้งสามฝ่าย โดยหลังจากนี้วิปสามฝ่ายต้องกลับมาคุยกันว่าเอาอย่างไร แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มีมติจะต้องเข้าร่วมการประชุมสภาทุกครั้งไม่ว่ากฎหมายใด ส่วนผลการประชุมและองค์ประชุมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในวันนั้น

เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลยอมรับกลับไปใช้สูตรหาร 100 แล้วใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็เห็นตรงกันอย่างนั้น แม้วิธีการต่างกัน แต่ตอนนี้เห็นตรงกันแล้วว่าใช้บัตร 2 ใบ และหารด้วย 100 ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยไม่เข้าร่วมการประชุมนั้นก็เป็นเอกสิทธิ์ รวมทั้งพรรคอื่นหรือสมาชิกวุฒิสภาไม่เข้าร่วมก็เป็นเอกสิทธิ์เช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าสภาจะล่มและประชาชนจะรุมตำหนิ นายสาธิต กล่าวว่า ประชาชนมีสิทธิ์ตำหนิถ้าสภาล่ม ทุกฝ่ายต้องพยายามอธิบายและให้ข้อมูลประชาชน เพื่อให้สามารถเข้าใจได้ แต่ยอมรับว่ากระทบกับภาพลักษณ์สภาอยู่แล้ว