“ไทยสร้างไทย” ชี้ทางออกประเทศ ต้องเร่งเสริมโซลาร์เซลล์จริงจัง หลังคนไทยแบกค่าไฟแพงสุด

ขึ้นค่าไฟงวดใหม่ คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพงสุดเป็นประวัติการณ์ “ไทยสร้างไทย” ชี้ทางออกประเทศ ต้องส่งเสริมพลังงานโซลาร์เซลล์อย่างจริงจัง

 

วันที่ 11 สิงหาคม 2565 นายรณกาจ ชินสำราญ คณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรค และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า หลังจากที่รัฐได้ปรับขึ้นค่า Ft ไปแล้ว 2 รอบในปีนี้ ซึ่งถือเป็น “อัตราจัดเก็บค่าไฟสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์” และล่าสุด ได้ขึ้นค่าไฟฟ้าในอัตราใหม่ที่จะต้องเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 5 บาท/หน่วยนั้น ทำให้คนไทยต้องจ่ายค่า Ft เพิ่มขึ้น 277% และค่าไฟฟ้ารวมเพิ่มอีกเกือบ 25%

ขณะนี้ไทยกำลังจะเข้าสู่วิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ในแต่ละปีไทยใช้พลังงานประมาณ 2 ล้านล้านบาท เป็นสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าสูงถึง 7 แสนกว่าล้านบาท โดยข้อมูลจากกระทรวงพลังงานระบุว่า ตลอด 12 ปี ที่ผ่านมา ไทยพึ่งพาตนเองด้านพลังงานลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปี 2552 ไทยพึ่งตนเองได้ร้อยละ 46 ที่เหลือเป็นการนำเข้าไฟฟ้าจากต่างประเทศ แต่ในปี 2565 ไทยสามารถพึ่งตนเองเหลือแค่ร้อยละ 25 เท่านั้น หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานก็ยากที่จะพึ่งพาตนเองได้

พรรคไทยสร้างไทย เคยชี้ให้เห็นตัวอย่างของ กฟผ. จากแถลงการณ์ครั้งที่แล้วว่า ปัจจุบันไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั้งระบบอยู่ที่ 46,803 เมกะวัตต์ แต่ที่น่าสังเกตก็คือ กฟผ. ไม่ใช่หน่วยงานหลักในการผลิตไฟฟ้าอีกต่อไป เพราะผลิตได้เพียง 33.16% เท่านั้น ทำให้ขาดอำนาจในการถ่วงดุลเรื่องราคาค่าไฟฟ้า เพราะที่เหลือเป็นการผลิตโดยภาคเอกชน และนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ รวม 30,600 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 66.84%

จากข้อมูลดังกล่าวพบว่า ผู้ผลิตรายใหญ่ขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ได้เพียงแค่ร้อยละ 23 เท่านั้น ในขณะที่ผู้ผลิตรายย่อยกลับขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ถึงร้อยละ 26 ส่งผลให้ กฟผ. ต้องรับซื้อไฟฟ้าที่มีต้นทุนการผลิตที่สูง ในปริมาณที่มาก และราคาสูงถึง 4 บาท ต่อหน่วย สุดท้ายก็ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการบางรายหรือไม่

พรรคไทยสร้างไทย ขอเสนอว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐต้องปรับเปลี่ยนนโยบายด้านพลังงาน หันมาให้ความสำคัญของพลังงานแสงอาทิตย์อย่าจริงจังและต่อเนื่อง ส่งเสริมให้เกิดโซลาร์เซลล์ตามบ้านเรือน เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของพลังงานได้ในระยะยาว เรื่องนี้เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ดีด้านพลังงานให้กับประเทศ และหากมีไฟฟ้าเหลือแล้ว ก็สามารถนำไปขายต่อให้กับภาครัฐเพื่อกลับคืนเป็นรายได้เข้าสู่ภาคครัวเรือนได้ และที่สำคัญรัฐจะต้องเข้ามาช่วยในเรื่องการสนับสนุนสินเชื่อต้นทุนต่ำ เพื่อให้ทุนตั้งต้นสำหรับค่าใช้จ่ายการติดตั้งโซลาร์เซลล์ โดยให้ธนาคารภายใต้การกำกับดูแลของรัฐเข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการนี้ด้วย

รัฐจำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหาการพึ่งพิงพลังงานจากต่างประเทศ จนทำให้ไทยสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตพลังงาน หากประเทศส่งออกไฟฟ้ามายังไทยเกิดมีปัญหาขึ้น หากพิจารณาเชิงนโยบายด้านการสรรหาแหล่งพลังงานเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าจะเห็นว่า นโยบายของไทยแตกต่างไปจากหลายประเทศทั่วโลก ที่ให้ความสำคัญโดยส่งเสริมให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น ขณะที่ไทยมีปริมาณแสงอาทิตย์จำนวนมาก แต่กลับไม่ส่งเสริมให้ประชาชนติดตั้งโซลาร์เซลล์เท่าที่ควร ดังนั้น รัฐต้องกระจายการผลิตไฟฟ้าไปสู่ภาคประชาชนและภาคธุรกิจ และต้องตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้เกิดปัญหาการผูกขาดอยู่ในธุรกิจของเจ้าสัวรายใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้เกิดประชาธิปไตยการใช้พลังงานได้อย่างเป็นรูปธรรม