ลดลงเล็กน้อย! เงินเฟ้อมะกัน ก.ค. อยู่ที่ 8.5%

ลดลงเล็กน้อย! เงินเฟ้อมะกัน ก.ค. อยู่ที่ 8.5%

 

อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 8.5% ถือว่าลดลงจากเดือนมิถุนายนที่ 9.1% เล็กน้อย แต่ในภาพรวมแล้วยังถือว่าเป็นอัตราเงินเฟ้อที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษของสหรัฐ

ราคาน้ำมัน ตั๋วเครื่องบิน และเสื้อผ้าที่ลดลง ทำให้ชาวอเมริกันรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้ทำให้เกิดความมั่นใจในหมู่ผู้บริโภคว่าราคาสินค้าต่างๆ จะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าเงินเฟ้อจะอ่อนตัวลงต่อเนื่องต่อไปในอนาคต แต่ยังคงห่างไกลจากเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กำหนดอัตราเงินเฟ้อตลอดปีนี้อยู่ที่เพียง 2% เท่านั้น ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าเฟดจะยังคงต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และยังต้องคงยึดการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง

อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคมอาจทำให้เฟดชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมปลายเดือนกันยายนนี้ เพราะการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจรวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ที่อาจทำให้โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นตามมา

อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวอาจรู้สึกโล่งใจเพราะค่าห้องพักในโรงแรมตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมลดลงไปแล้ว 2.7% ตั๋วเครื่องบินลดลงเกือบ 8% และค่าเช่ารถลดลง 9.5% หลังการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อปีก่อน เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดจำนวนลง ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัว แม้ว่าตั๋วเครื่องบินยังคงสูงกว่าหนึ่งปีก่อนถึงเกือบ 30%

ขณะที่ราคาน้ำมันลดลงโดยเฉลี่ยจาก 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในช่วงกลางเดือนมิถุนายน เป็น 4.20 ดอลล่ฝาร์เมื่อปลายเดือนเดียวกัน และลดลงมาอยู่ที่ 4.01 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ราคาพลังงานที่มีแนวโน้มลดลงจะช่วยดึงอัตราเงินเฟ้อให้ลดตามลงมาด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดีชาวอเมริกันยังคงต้องเผชิญกับราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคาขายของในร้านของชำพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งสูงกว่าหนึ่งปีก่อนหน้าถึง 13% และเป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดเมื่อเทียบตัวเลขปีต่อปีนับตั้งแต่ปี 2522 อัตราค่าเช่าที่พักและค่ารักษาพยาบาลก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน แม้จะน้อยกว่าเดือนก่อนหน้านี้เล็กน้อยก็ตาม